วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

โกรทฮอร์โมน growth hormone (GH)

โกรทฮอร์โมน growth hormone (GH)
โกรทฮอร์โมน growth hormone (GH) เป็นฮอร์โมนชนิดโปรตีน หรือที่เรียกว่าเปปไทด์ฮอร์โมน โครงสร้างประกอบด้วยกรดอะมิโน 190 ตัว เป็นฮอร์โมนที่ถูกผลิตขึ้นจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า และมีผลต่อการเจริญเติบโต รวมทั้งเมตะบอลิสซึมของร่างกาย มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า somatotropin
ยีนที่ควบคุมการสร้างโกรทฮอร์โมน อยู่บน q22-24 region ของโครโมโซมคู่ที่ 17 และมีลักษณะใกล้เคียงกับยีนที่ควบคุมการสร้าง human chorionic somatomammotropin (hCS) หรือที่เรียกว่า placental lactogen ฮอร์โมนทั้ง 3 ชนิด คือ
GH, human chorionic somatomammotropin (hCS), และ prolactin (PRL) จัดอยู่ในกลุ่ม
เดียวกัน เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และการสร้างน้ำนม
โกรทฮอร์โมนรูปแบบที่พบในร่างกายมนุษย์มากที่สุด ประกอบด้วยกรดอะมิโน 190 ตัว น้ำหนักโมเลกุลประมาณ 22,000 ดาลตัน โครงสร้างเป็นแบบเกลียวชนิดสี่เกลียว มีส่วนที่ทำหน้าที่จับกับตัวรับ โกรทฮอร์โมนในสัตว์แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ถ้านำมาใช้ในมนุษย์ต้องเป็นของมนุษย์เองและสัตว์ประเภทลิงเท่านั้น หรือใช้โกรทฮอร์โมนชนิดสังเคราะห์

การสร้างโกรทฮอร์โมน growth hormone (GH)
โกรทฮอร์โมนสร้าง และหลั่งออกมาจากเซลล์ที่มีชื่อเรียกว่า โซมาโตรโทรฟ(somatotrophs) ซึ่งอยู่ในต่อมใต้สมองส่วนหน้า การสร้างโกรทฮอร์โมนถูกควบคุมโดยปัจจัยต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ ภาวะความเครียด การออกกำลังกาย ภาวะโภชนาการ การนอน รวมทั้งตัวโกรทฮอร์โมนเองด้วย
ปัจจัยที่ควบคุมที่สำคัญเป็นฮอร์โมน 3 ชนิด เป็นฮอร์โมนจากสมองส่วนฮัยโปธาลามัส 2 ชนิด และฮอร์โมนจากกระเพาะอาหารอีกหนึ่งชนิด ได้แก่
1. growth hormone-releasing hormone (GHRH) เป็นเปปไทด์ฮอร์โมนเช่นเดียวกัน สร้างมาจากสมองส่วนฮัยโปธาลามัส ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมน และควบคุมการหลั่งของโกรทฮอร์โมนอีกด้วย
2. somatostatin (SS) เป็นเปปไทด์ฮอร์โมน ที่ผลิตมาจากเนื้อเยื่อหลายชนิดในร่างกาย รวมทั้งสมอง ส่วนฮัยโปธาลามัส จัดเป็นฮอร์โมยับยั้ง มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งโกรทฮอร์โมน ในขณะที่ร่างกายกำลังตอบสนองต่อผลของ GHRH นอกจากนี้ยังพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดต่ำลงจะกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมน นี้ด้วย
3. ghrelin เป็นเปปไทด์ฮอร์โมนที่หลั่งมาจากเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร ฮอร์โมนนี้มีความสามารถในการจับกับตัวรับซึ่งอยู่บนเซลล์ชนิด somatotrophs และกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ในปริมาณมากพอสมควร

การหลั่งโกรทฮอร์โมน growth hormone (GH)
การหลั่งโกรทฮอร์โมนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการย้อนกลับที่เกี่ยวข้องกับ IGF-Iในขณะที่ระดับของ IGF-I เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาน้อยลง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดจากกลไกที่สำคัญสองประการ ประการแรก เกิดจากการกดการทำงานของเซลล์ชนิด somatotroph และประการที่สองเกิดจากการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน somatostatin จากสมองส่วนฮัยโปธาลามัส
1. โกรทฮอร์โมนยังสามารถย้อนกลับไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน GHRH และมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน somatotroph
2. การหลั่งโกรทฮอร์โมน เป็นแบบไม่สม่ำเสมอ มีบางช่วงที่มากและบางช่วงที่น้อย อันเป็นผลเนื่องมาจากปัจจัยข้างต้น
3.สำหรับระดับของโกรทฮอร์โมนในเลือดที่พื้นฐานถือว่าต่ำมาก
4.ในเด็กและวัยรุ่น พบว่าการหลั่งโกรทฮอร์โมนจะเกิดขึ้นมากที่สุดภายหลังจากขณะที่นอนหลับหลับลึก

โกรทฮอร์โมน growth hormone (GH) ทำหน้าที่อะไร
โกรทฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับการควบคุมขบวนการต่างๆ ในร่างกายการเจริญเติบโตของร่างกาย รวมทั้งกระบวนการเมตะบอลิสซึมในร่างกาย เป็นที่ทราบกันดีในขณะนี้ว่าผลที่เกิดจากโกรทฮอร์โมนในร่างกายมีสองชนิด ชนิดแรก เป็นผลโดยตรง และชนิดที่สอง เป็นผลทางอ้อม
ผลโดยตรง เกิดจากการที่โกรทฮอร์โมนไปจับกับตัวรับบนเซลล์ เป้าหมาย ยกตังอย่างเช่น เซลล์เป้าหมายเป็นเซลล์ไขมัน เซลล์ไขมันจะมีตัวรับ โกรทฮอร์โมนจะกระตุ้นให้เกิดการสลายไขมันชนิด ไตรกลีเซอไรด์ และยับยั้งการสะสมไขมันที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด
ผลทางอ้อม เกิดขึ้นผ่านทางสารอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า 'สารกระตุ้นเจริญเติบโตที่คล้ายอินซูลิน' หรือ insulin-like growth factor-I (IGF-I) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นจากตับ และเนื้อเยื่ออื่นๆ การสร้าง IGF-I เป็นผลจากโกรทฮอร์โมนโดยตรง ส่วนใหญ่แล้วผลของโกรทฮอร์โมนเกิดจาก IGF-I ออกฤทธิ์ที่เซลล์เป้าหมาย


ผลของ growth hormone ที่มีต่อกระบวนการเจริญเติบโต

ผลของ growth hormone ที่มีต่อกระบวนการเจริญเติบโต
กระบวนการเจริญเติบโตของ ร่างกายมีความสลับซับซ้อนหลายประการ และอาศัยการทำงานประสานสอดคล้องกันของฮอร์โมนหลายชนิด สำหรับบทบาทสำคัญของโกรทฮอร์โมนในการเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นการกระตุ้นตับและเนื้อเยื่ออื่นๆ ให้สร้าง IGF-I
บทบาทของ insulin-like growth factor-I (IGF-I)
1. IGF-I กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์สร้างกระดูกอ่อน ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของกระดูก ส่วนโกรทฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงกระตุ้นให้เซลล์กระดูกอ่อนเกิดการพัฒนาจำแนก ชนิดต่อไป ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของกระดูก
2. IGF-I กระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ โดยกระตุ้นเซลล์มัยโอบลาสท์ให้แบ่งตัวเพื่อทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงและเพิ่ม จำนวนเซลล์ นอกจากนี้ยักระตุ้นการนำกรดอะมิโนมาใช้ และกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆ อีกด้วย


ผลของ growth hormone ที่มีต่อกระบวนการเมตาบอลิสซึม
ผลของโกรทฮอร์โมนที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกฤทธิ์โดยตรงของโกรทฮอร์โมนเอง หรือเป็นผลมาจาก IGF-I ก็ตาม ในบางกรณีอาจเป็นผลมาจากทั้งสองอย่างก็ได้
1. ผลต่อโปรตีน พบว่าโกรทฮอร์โมนจะกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีน ลดปฏิกิริยาเผาผลาญโปรตีน และสามารถนำกรดอะมิโนมาใช้เพิ่มมากขึ้น โดยรวมถือเป็นการเพิ่มเมตาบอลิสซึมของโปรตีนในร่างกาย
2. ผลต่อไขมัน พบว่าโกรทฮอร์โมนมีฤทธิ์เพิ่มการใช้ไขมัน กระตุ้นการสลายตัวของไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเร่งปฏิกิริยาภายในเซลล์ไขมันชนิดอะดิโปซัยท์
3. ผลต่อคาร์โบไฮเดรต พบว่าโกรทฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยออกฤทธิ์ตรงข้ามกับฮอร์โมนอินซูลิน ตัวของมันเองยับยั้งฤทธิ์ของอินซูลินที่เนื้อเยื่อปลายทาง และยังกระตุ้นให้ตับสร้างกลูโคสออกมามากขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อฉีดโกรทฮอร์โมนเข้าไปในร่างกาย จะทำให้การหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มมากขึ้น และระดับอินซูลินจะเพิ่มมากขึ้นด้วย

growth hormone เกี่ยวข้องกับความสูง-ความเตี้ยอย่างไร?
เด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมน growth hormone (GH) จะมีหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าอายุจริง รูปร่างเตี้ยเล็กแต่สมส่วน อ้วนกลมเนื่องจากมีไขมันสะสมบริเวณลำตัวมาก ถ้าเป็นเด็กชายมักมีอวัยวะเพศเล็กไม่สมวัย อย่างไรก็ตามภาวะขาดโกรทฮอร์โมนไม่มีผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของเด็ก นอกจากภาวะขาดโกรทฮอร์โมนแล้ว การขาดไทรอยด์ฮอร์โมนและฮอร์โมนเพศยังมีผลทำให้เด็กเตี้ย เช่นเดียวกับการมีฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตมากเกินไป เด็กจะมีรูปร่างอ้วนเตี้ย
สาเหตุที่ทำให้เด็กตัวเตี้ย
1. สาเหตุที่ทำให้เด็กตัวเตี้ยมีหลายประการ ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ดังนั้น เด็กที่มีลักษณะเตี้ยเล็ก ควรปรึกษา และรับการตรวจจากแพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยทั่วไปเด็กสาวที่มีประจำเดือนมาแล้วนาน 3 ปี และเด็กหนุ่มที่มีเสียงแตกมานาน 3 ปี มักจะหยุดโตแล้ว และหมดโอกาสเพิ่มความสูงอีก
2. สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เด็กเตี้ย คือ ปัจจัยทางพันธุกรรม เรียกว่า 'เตี้ยตามกรรมพันธุ์' เด็กกลุ่มนี้จะมีพ่อและแม่เตี้ย อย่างไรก็ตามบางครั้งพบว่าลูกไม่เตี้ยเหมือนพ่อแม่ก็เป็นได้เช่นกัน
3. การที่จะทราบว่าเด็กตัวเตี้ย ให้นำความสูงของเด็กมาจุดลงบนเส้นกราฟมาตราฐานการเจริญเติบโต growth chart ซึ่งแยกเป็นกราฟสำหรับเด็กหญิง และเด็กชาย ถ้าความสูงอยู่ต่ำกว่าเส้นสุดท้ายแสดงว่าเด็กเตี้ยกว่ามาตราฐานที่ควรจะเป็น เด็กแรกเกิดถึง 1 ปี ความสูงจะเพิ่มปีละ 25 เซ็นติเมตร เมื่ออายุ 1-2 ปี ความสูงจะเพิ่มปีละ 10-12 เซ็นติเมตร เมื่ออายุ 2-4 ปี ความสูงจะเพิ่มปีละ 6-7 เซ็นติเมตร และเมื่ออายุ 4-10 ปี ความสูงจะเพิ่มปีละ 5 เซ็นติเมตร
4. ปัญหาเตี้ย เนื่องจากมีโรคที่เกิดความผิดปกติของกระดูกพบได้ประปราย ทั้งเรื่องของมวลกระดูกความแข็งแรงของเนื้อกระดูก และภาวะที่มีการทำลายเซลล์กระดูกบางส่วน อายุกระดูกได้จากการถ่ายภาพรังสีที่มือ และข้อศอกของเด็ก แล้วนำมาเปรียบเทียบกับภาพรังสีมาตราฐานของเด็กปกติตามเพศ และวัยต่างๆ อ่านออกมาเป็นปี และเดือน
5. เด็กบางคนตัวเตี้ย เข้าสู่วัยหนุ่มสาวช้ากว่าเพื่อนๆ แต่เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงตามที่ควรจะเป็นตามกรรมพันธุ์ เด็กที่ตัวเตี้ยและเข้าสู่วัยรุ่นช้ากลุ่มนี้ เรียกว่า'ม้าตีนปลาย' ตรงข้ามกับเด็กที่อ้วนซึ่งมักจะเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วกว่าปกติ และหยุดโตเมื่อมีอายุน้อยกว่าเด็กปกติเปรียบได้กับม้าตีนต้น และความสูงเมื่อหยุดโตน้อยกว่าความสูงที่ควรจะเป็น

โกรทฮอร์โมน (Growth hormone)เป็นยาอายุวัฒนะ จริงหรือ ?

โกรทฮอร์โมน (Growth hormone)เป็นยาอายุวัฒนะ จริงหรือ ?
IGF-1 กับ ความชรา
ร่างกายของมนุษย์จะมีกระบวนการ 2 อย่างที่ทำงานพร้อมกัน คือ กระบวนการเจริญเติบโต และกระบวนการเสื่อมโทรม อัตราการเกิดของ 2 กระบวนการนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและกลไกที่ขับเคลื่อนกระบวนการนี้คือ ฮอร์โมนในกลุ่มของ GH (Growth Hormone ) ที่สร้างจากต่อมไรท่อที่อยู่ใต้สมอง ( Pituitary Gland )ฮอร์โมนนี้จะถูกขับออกมาผ่านกระแสเลือดไปยังตับ เพื่อให้ผลิตฮอร์โมนIGF-1
Insulin-Like Growth Factor-1 (IGF-1) จัด ว่าเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายในการป้องกันและช่วยยืดอายุของ เซลล์ ทำให้ร่างกายไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรส่งเสริมการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ให้เผาผลาญสารอาหารได้พลังงานสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ และยังช่วยส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลที่ได้จากการย่อยอาหารจึงเหมาะ สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและต่ำ และIGF-1ที่ช่วยเพิ่มวิตามิน D-3 ช่วยบำรุงแคลเซียมให้กระดูกและช่วยลดอาการเป็นเก๊าท์ได้ดี
และจากการศึกษาของ Clark R.และคณะ ในปี 1993ได้รายงานถึงความสำคัญของIGF-1 ที่ช่วยเพิ่มเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว ดังนั้นถ้าในกระแสเลือดมี IGF-1 สูงร่างกายจะแข็งแรงมีชีวิตชีวาและดูอ่อนกว่าวัย
ในช่วงอายุ 20 ปีแรก ฮอร์โมน GH จะหลั่งออกมามากกระบวนการเติบโตจะทำงานได้ดี ในขณะที่กระบวนการการเสื่อมโทรมจะทำงานช้าๆ
อายุช่วง 40 ปีขึ้นไป ฮอร์โมน GH จะน้อยลงกระบวนการ
เจริญเติบโตจะลดลงอย่างรวดเร็วในอัตรา 0.3-1.3% ต่อปี ขณะที่กระบวนการเสื่อมโทรมจะเกิดรวดเร็ว ดังนั้นการที่เราได้ IGF-1 ทด แทน ในส่วนที่ขาดหายไปจากการที่เรามีอายุมากขึ้นด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เรา สามารถมีร่างกายที่แข็งแรงเปรียบเสมือนคนหนุ่มสาวได้อยู่ตลอดเวลา
สัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายท่านมี IGF-1 ลดน้อยลง สังเกตได้จากลักษณะดังนี้
- หน้ามีกระฝ้า ผิวหนังเหี่ยวย่นหย่อนยาน
- ความจำเสื่อมลง
- มีปัญหาทางสายตา
- ผมเริ่มหงอกและบางลง
- ร่างกายเฉื่อยชา ขาดความกระตือรือร้น
- อ่อนเพลียไม่ค่อยมีแรง เหนื่อยง่าย อารมณ์ไม่คงที่

- เล็บงอกช้า เปราะแตกหักง่าย แผลหายช้า
- กระดูกเปราะบาง ข้อต่อเสื่อมลง ( กระดูกพรุน )
- คลอเลสเตรอรอนและไตรกีเซอร์ไรด์สูง (ในเส้นเลือด )
- น้ำหนักเพิ่มหรือลดมากไป เริ่มมีหน้าท้อง
- นอนหลับไม่สนิทหรือหลับยากหลับน้อยกว่าปกติ
- ภูมิคุ้มกันลดน้อยลง ป่วยบ่อย
- ความดันโลหิตสูงหรือต่ำมากไป
- สมรรถภาพทางเพศลดลง
ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์พิเศษที่ช่วยกระตุ้นต่อมพิจูอิตารี่ใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนเจริญวัย (HGH) อย่างเป็นธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายของเรา Bio Spray ประกอบด้วย ส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ได้จากกรรมวิธีทางเทคโนโลยีชีวภาพ และ IGF-1 ซึ่งสกัดมาจากหัวน้ำนม กรดอะมิโนที่ใช้มีสี่ชนิด ได้แก่ อาร์จินีน ออร์นิทีน กลูตามีน และ ไลซีน เป็นส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการศึกษาทางคลินิก ตามที่อ้างถึงในหนังสือ “Grow Young with HGH” ของนายแพทย์ โรนัลด์ คลัทซ์ ผู้ก่อตั้งและประธานสถาบันต่อต้านความชราแห่งสหัรัฐอเมริกา บทที่ 16 หน้า 200 ภายใต้หัวข้อเรื่อง คำแนะนำในการใช้สารอาหารกระตุ้นฮอร์โมนเจริญวัย ” Bio Spray เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และปลอดภัย 100 % มั่นใจได้ว่าปราศจากผลข้างเคียง และให้ผลของ HGH ครบถ้วนทุกประการ

ความผิดปกติของโกรทฮอร์โมน

เด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมนจะมีหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าอายุจริง รูปร่างเตี้ยเล็กแต่สมส่วน อ้วนกลมเนื่องจาก มีไขมันสะสมบริเวณลำตัวมาก น้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าเป็นเด็กชายมักมีอวัยวะเพศเล็กไม่สมวัย การขาดโกรทฮอร์โมน ไม่มีผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของเด็ก (แต่มักมีปัญหาด้านจิตใจ) เรียกภาวะนี้ว่า การเตี้ยแคระหรือ dwarfism
การขาดโกรทฮอร์โมนทำให้ร่างกายเตี้ยแคระ (dwarfism)
ร่างกายเตี้ยแคระไม่ได้เกิดจากการขาดโกรทฮอร์โมนเสมอไป บางครั้งโกรทฮอร์โมน ในกระแสเลือดปกติ แต่ตัวรับสัญญาณไม่ตอบสนองต่อโกรทฮอร์โมน ซึ่งมักอาจเกิดจากการผ่าเหล่า(mutation)ของยีนของตัวรับสัญญาณ ทำให้โกรทฮอร์โมนทำงานไม่ได้ เรียกการเตี้ยแคระแบบนี้ว่าการเตี้ยแคระแบบลาร์สันหรือ การไม่ตอบสนองต่อโกรทฮอร์โมน (Larson dwarfism หรือ growth hormone insensitivity)
เปรียบเทียบความสูงของเด็กที่มีฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำและเด็กเตี้ยแคระเนื่องจากโกรทฮอร์โมนต่ำกับเด็กปกติอายุ 2 ปี และเด็กปกติอายุ 8 ปีจะพบว่า
เด็กที่ไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำจะตัวเตี้ยแขนขาสั้นเท่ากับเด็กอายุ 2 ปีและเตี้ยกว่าเด็กปกติ
เด็กที่เตี้ยแคระเนื่องจากขาดโกรทฮอร์โมนจะสมส่วน (สังเกตระดับกระดูกเชิงกราน) แต่เตี้ยกว่าเด็กปกติ ที่อายุเท่ากันอยู่มากเช่นกัน
นอกจากภาวะขาดโกรทฮอร์โมน ( growth hormone) แล้ว การขาดไทรอยด์ฮอร์โมนและฮอร์โมนเพศ ยังมีผลทำให้ เด็กเตี้ยแต่การขาดไทรอยด์ฮอร์โมนมักหมีผลทางด้านสติปัญญาร่วมด้วย การมีฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตมากเกินไป ก็ทำให้เด็กมีรูปร่างอ้วนเตี้ยได้

หนุ่มสาวอีกครั้งด้วยโกรทฮอร์โมน

วงการแพทย์ตะวันตกลงความเห็นว่า ความชราหรือความแก่นี้ จัดเป็นโรคแล้วนะขอบอก เมื่อจัดเป็นโรคก็ต้องมีแพทย์เฉพาะทางดูแลโดยตรง คือ แพทย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ หรือ Anti-aging specialist
อ่านเจอในนิตยสารพลอยแกมเพชรเขียนโดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ฉบับที่ 381 15 ธค. 50 น่าสนใจมั่กๆสำหรับคนรักสวยรักงามและอยากเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่รู้จบ ไชโย....ต่อไปนี้พวกเราก็ต่างพากันหล่อพากันสวยไปชั่วกาลนานเลย จึงรีบเร่งสรุปย่อๆให้ชาว Blog อ่าน เพื่อจะได้สวยๆหล่อๆโดยทั่วหน้า
ตามอ่านนะ เริ่มสรุปแล้วส์.. นัก วิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยาความชราตั้งทฤษฎีไว้ว่า เหตุที่คนเราแก่เกิดจากสมองสร้างฮอร์โมนได้น้อยลง แค่ต่อมใต้สมองอย่างเดียวก็ผลิตฮอร์โมนได้เกือบสิบชนิดแล้ว แต่ฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราแก่หรือเด็กลงได้ คือ โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ถือกันว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาวเลยทีเดียวเชียวแหละ ในยุคเรอเนสซองซ์ บรรดากษัตริย์-ราชินีแห่งยุโรปพากันส่งทหารไปเสาะหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยเดินทางตามหากันไกลครึ่งค่อนโลก ก็ไม่พบ นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบว่า น้ำพุแห่งความเยาว์วัยอยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง ใกล้ยิ่งกว่าปลายจมูกซะอีก นั่นคือ โกรทฮอร์โมน จากต่อมใต้สมองของเรานี่เอง วัย รุ่นที่สดใสก็เพราะมีโกรทฮอร์โมนมาก ช่วยกระตุ้นทั้งร่างกายและจิตใจให้มีความสดชื่นแจ่มใส กระชุ่มกระชวย แต่พอถึงอายุ 25 ปี ฮอร์โมนตัวนี้จะลดต่ำลงถึงปีละ 15 % ทุกสิบปี ทำให้ รู้สึกล้าแต่ไม่เชิงเหนื่อย เพลีย แต่นอนมากเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม อยากจะนอนอยู่นั่นแหละ นอนหลับไม่สนิท ตอนเช้าไม่อยากตื่น ไม่มีแรงลุกไปทำงาน พอตกบ่ายง่วงอีกแล้ว ลุกนั่งเร็วๆมีอาการหน้ามืดง่าย กินน้อยแต่อ้วนมาก น้ำหนักขึ้นง่ายแต่ลงยาก ความจำแย่ลง มีริ้วรอยบนใบหน้า อีกเยอะแยะมากมาย ขี้เกียจสาธยาย เพราะเราเป็นทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมดนั่นแหละ อาการเหล่านี้ คือ อาการของโรคที่เรียกว่า โรคชรา
ปัจจุบันวงการแพทย์ตะวันตกลงความเห็นว่า ความชราหรือความแก่นี้ จัดเป็นโรคแล้วนะขอบอก เมื่อจัดเป็นโรคก็ต้องมีแพทย์เฉพาะทางดูแลโดยตรง คือ แพทย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ หรือ Anti-aging specialist ซึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใหม่ล่าสุดโดยตรง เช่น การใช้ฮอร์โมนธรรมชาติ ขอย้ำไม่ใช่ฮอร์โมนสังเคราะห์นา ก็คือโกรทฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองของท่านทั้งหลายนั่นแหละจ้า.... เลิศสุดๆ
ห้าม พลาดตอนต่อไป ตอนนี้เรารู้แล้วนี่ว่าทำไมถึงแก่ ตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการทำตัวยังไงถึงไม่ให้แก่ จนแยกอายุจริงกับอายุที่ตัว/อายุที่เห็นไม่ได้เลย สน...ใช่มั๊ย ถ้าสน....ก็ต้องติดตามอ่านตอนต่อไป เพื่อความเป็นหนุ่มสาวนิรันดร์

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Human Growth Hormone : HGH


"โรคเสื่อมถอย" ความชรา ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
มนุษย์ สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์
Human Growth Hormone : HGH
รอยเหี่ยวย่น ผมบาง ผมหงอก โรคอ้วน สมรรภาพเสื่อม ต่อมลูกหมาก ความจำเสื่อม สายตาพล่ามัว กระดูกพรุน ปวดเมื่อย ไมเกรน ไตเสื่อม เบาหวาน หัวใจ ความดัน ภูมิแพ้ ฯลฯ อาการของโรคเสื่อมต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว


มหัศจรรย์ร่างกายมนุษย์

คนมีอวัยวะต่างๆ ถึง 11 ระบบ จะมีการทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุถึงการทำงานที่ถูกต้องของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีตัวเชื่อมหรือตัวควบคุมให้ระบบต่างๆ เหล่านี้ทำงานได้ด้วยความถูกต้องแม่นยำ ระบบสื่อสารของคนมี 2 วิธีคือ

การสื่อสารด้วยประสาท (Nervous communication)
การสื่อสารด้วยสารเคมี (Hormonal communication)

จึงมีตัวควบคุม 2 ชนิดคือ ระบบประสาท (Nervous system)
ฮอร์โมน (Hormone)

ในที่นี้จะกล่าวถึง การสื่อสารด้วยสารเคมี ที่มีฮอร์โมนเป็นตัวควบคุม

ฮอร์โมนคืออะไร? ฮอร์โมน เป็นสารเคมีจำพวกกรดอะมิโนที่สร้างขึ้นจากเซลจำเพาะของต่อมไร้ท่อ หรือสร้างจากเซลจำเพาะของอวัยวะบางชนิด หรือจากเซลประสาทบางกลุ่ม ซึ่งเซลจำเพาะเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อตัวกระตุ้นจำเพาะจากระบบประสาทหรือกระแสเลือด ฮอร์โมนที่สร้างขึ้นแล้วจะหลั่งตรงเข้าสู่หลอดเลือดฝอยที่เลี้ยงอยู่รอบๆ ต่อมไร้ท่อนั้น ผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย และจะออกฤทธิ์ต่ออวัยวะหรือเซลที่มีตัวรับสัญญาณจำเพาะสำหรับฮอร์โมนชนิดนั้น จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายเกี่ยวกับเมตาบอลิซึมต่างๆ ได้แก่ การให้พลังงาน, กระตุ้นให้มีการเจริญเติบโต, ระบบอีเลคโทรไลท์และน้ำ, มีพัฒนาการของร่างกาย, การสืบพันธุ์ ตลอดจนการตอบสนองต่อความเครียดต่างๆ การทำงานของฮอร์โมน ต่อมไร้ท่อจะสร้างฮอร์โมนตลอดเวลา โดยจะหลั่งฮอร์โมนจำนวนหนึ่งออกสู่กระแสเลือดในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้ในต่อม อัตราการสร้างจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อร่างกายมีความต้องการเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนที่หลั่งสู่กระแสเลือดจำนวนมากจะจับกับโปรตีนที่เป็นตัวพา โดยฮอร์โมนที่จับโปรตีนเหล่านี้จะออกฤทธิ์ไม่ได้ แต่เมื่อร่างกายต้องการฮอร์โมนมากขึ้น จึงจะหลุดจากโปรตีนตัวพาแยกออกมาเป็นฮอร์โมนอิสระ จากนั้นจึงจะสามารถออกฤทธิ์ต่อเซลเป้าหมายในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ เมื่อออกฤทธิ์แล้ว ฮอร์โมนส่วนมากจะถูกทำลายที่เซลเป้าหมาย หรือถูกทำลายโดยเอ็นไซม์ในกระแสเลือด หรืออวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ, ไต แล้วถูกขับออกจากร่างกายทางน้ำดี, ปัสสาวะ และอุจจาระปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมากด้านเคมีของโปรตีนและเป็ปไทด์ (Peptide) ซึ่งเป็นเทคนิคสำหรับหา Amino acid sequences ในการสังเคราะห์ เป็ปไทด์ ที่ให้ประโยชน์ด้านการรักษา รวมถึงความก้าวหน้าทางชีววิทยาโมเลกุล ที่มีเทคนิค Recombinant DNA ในการสังเคราะห์ฮอร์โมนในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ปัจจุบันพบว่ามีฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าจำนวน 10 ชนิด จากการศึกษาพบว่าในคนมีฮอร์โมนสำคัญ 6 ชนิดในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะ Human Growth Hormone (hgh, Somatotropin ก็เรียก) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของมนุษย์

Human Growth Hormone (hgh) hgh คือฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของมนุษย์ เกี่ยวข้องกับ Growth Hormone - Releasing Hormone (GHRH)

Growth Hormone - Inhibiting Hormone (GHIH, Somatostatin ก็เรียก)

GHRH
G HRH เป็นเป็ปไทด์สายเดี่ยว ประกอบด้วยกรดอะมิโน 44 ตัว ซึ่งได้มาจากกรดอะมิโนตั้งต้นจำนวน 108 ตัว เป็นฮอร์โมนจากสมอง (ไฮโปรทาลามัส) เพื่อไปกระตุ้นให้ต่อมใต้สมอง (พิทุอิทารี) ส่วนหน้าให้หลั่ง hgh และ Prolactin

GHIH
GHIH เป็นโพลีเป็ปไทด์ของกรดอะมิโน 14 ตัว และมี Somatostatin เป็นสารตั้งต้น เป็นฮอร์โมนจากไฮโปรทาลามัส มีฤทธิ์ยั้บยั้งการหลั่งของ hgh นอกจากนี้ยังมีผลต่อ Somatostatin receptor ในอวัยวะอื่นๆ อีก คือมีฤทธิ์ยั้บยั้ง TSH และ Prolactin, การหลั่งของ glucagon, อินซูลินจากตับอ่อน และฮอร์โมนต่างๆ จากระบบทางเดินอาหารhgh

hgh เป็นโพลีเป็ปไทด์สายเดี่ยวของกรดอะมิโน 191 ชนิด มีสูตรโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน prolactin ซึ่งหลั่งมาจากต่อมใต้สมอง (พิทุอิทารี) ส่วนหน้า มีหน้าที่เกี่ยวกับ การเจริญเติบโต มีผลต่อกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
เชื่อมเนื้อเยื่อและไขมัน กล้ามเนื้อและอวัยวะภายใน อวัยวะอื่นๆ

เมื่อ hgh ไปที่ตับ ตับจะผลิตฮอร์โมน IGF เพื่อช่วยกระบวนการ เมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน และไขมัน หน้าที่ของ IGF-1 กระตุ้นการสร้าง Nucleic acid + โปรตีน
ทำให้เกิด Positive nitrogen balance
กระตุ้นการ Lipolysis (กระบวนการย่อยไขมัน) ลดการขับถ่าย และการสร้างยูเรีย

ความสำคัญของ hgh ที่ทำงานกับ IGF-1 เป็นฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น
ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกจนอายุ 25 ปี
ช่วยบำรุงรักษาสุขภาพที่ดี และทำให้เซลต่างๆทำงานตามปกติ
ช่วยฟื้นฟูความเป็นหนุ่มเป็นสาว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง
เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย
เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ

ภาวะขาด hgh ที่ทำงานกับ IGF-1 กล้ามเนื้อลีบลง
กระดูกพรุน
อ่อนเพลียไม่มีแรง
ผมหงอก
สมองเสื่อม ความจำถดถอย
เสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ผิวหนังเหี่ยวย่น
ภาวะซึมเศร้า
ภูมิคุ้มกันต่ำ
หมดความต้องการทางเพศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการหลั่ง hgh การนอนหลับ
ความเครียด
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เอสโตรเจน
การออกกำลังกาย
ประโยชน์ของ hgh
จากการศึกษาในผู้ป่วยมากกว่า 28,000 รายทั่วโลก พบว่า hgh มีประโยชน์ดังนี้

1. การชะลอความแก่
กำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากการทำงานของเซล
ช่วยให้หลับสนิท ทำให้เซลสามารถซ่อมแซมตัวเองได้
ช่วยให้อายุยืน โดยร่างกายไม่เสื่อม และไม่เกิดโรค

2. พลังชีวิตและการทำงานของสมอง
มีผลต่อสารสื่อประสาท ลดอารมณ์ที่รุนแรง ความเครียด และซึมเศร้า

มีสมาธิ เกิดความเชื่อมั่น ตื่นตัว มีผลต่อการทำงานของประสาทตาและมือ
มี IQ สูงขึ้น เพิ่มระดับสติปัญญา และการเรียนรู้ เพิ่มความจำทั้งระยะสั้น-ยาว
IGF-1 จะป้องกันไม่ให้เซลสมองตาย โดยเฉพาะบริเวณความจำ ความคิด จึงช่วยผู้ป่วยสมองเสื่อม เช่น กล้ามเนื้อฝ่อลีบเพราะประสาทไม่มาเลี้ยงอวัยวะ, พาร์กินสัน และอัลไซเมอร์

3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บุคลิกดีด้วยการลดไขมัน
โดยเพิ่มปริมาณและความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ
ความสามารถในการทำงาน โดยการเพิ่มขนาดและความแข็งแกร่ง
ความสามารถของนักกีฬา โดยเพิ่มความคงทนและความอึด ป้องกันการบาดเจ็บในการแข่งขัน
ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวใจของผู้สูงอายุ

4. ผลต่อผิวพรรณ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ลดรอยเหี่ยวย่นและรอยตีนกา

5. ผลต่อกระดูก
ต่อต้านสภาวะกระดูกพรุน (ป้องกันไว้ก่อน เพราะเป็นแล้วจะใช้ ไม่ได้ผลที่ดีพอ)
เพิ่มความหนาแน่นของกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน
เพิ่มมวลกระดูก โดยมีวิตามินบี 3 จับแคลเซียมเข้าสร้างเซลกระดูก เพิ่มความแข็งแกร่ง และป้องกันกระดูกแตก

6. ผลต่อการทำงานของหัวใจ
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
ป้องกันอาการวูบหมดสติ ทำให้เซลตายหรือหัวใจวาย
เพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน โดยช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น
ลดไขมันเลว (LDL) ด้วยการเพิ่มไขมันดี (HDL)
7. เพิ่มการทำงานของปอด
การหายใจดีขึ้น อาการเหนื่อยลดลง
ช่วยผู้ป่วยถุงลมโป่งพอง

8. เสริมระบบภูมิต้านทาน
8.1. เสริมหน้าที่ของระบบภูมิต้านทาน การทำงานของ T-Cell Lymphocyte
การสังเคราะห์ RBC
การสังเคราะห์ Antibody
การแข็งตัวของ Lymphocyte
เสริมกิจกรรมของ NK-Cell
ทำลายเซลล์เนื้องอก

8.2. ซ่อมแซมเซลล์และทำให้เซลล์แบ่งตัวดีขึ้นในผู้สูงอายุ (คนอายุ 80 ปี ให้ใกล้เคียงกับคนอายุ 20 ปี)
8. 3. ฟื้นฟูระบบภูมิต้านทาน ปรับสมดุลการสังเคราะห์ DNA
ปรับสมดุลการหลั่งอินซูลิน
ปรับสมดุลการทำงานของต่อมไทรอยด์
ปรับสมดุลชีวเคมีในสมอง
ควบคุมการกำจัดเชื้อโรค
เพิ่มระดับ IGF-1
9. เสริมการมองเห็น
สายตาดีขึ้น
ปรับการมองเห็นได้ชัด
สายตาปรับแสงได้ดี

10. เร่งการหายของบาดแผล
ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวช่วยยึดแผลให้ติดกัน
ทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นได้ดี
ช่วยให้แผลที่ผิวหนังและกระดูกหายเร็วขึ้น เช่น แผลไฟไหม้รุนแรง, แผลจากการผ่าตัด

11. ผลต่ออารมณ์เพศ
เพิ่มสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง
ช่วยให้อารมณ์ทางเพศสมบูรณ์

ดูรายงานการวิจัย ผลการใช้ hgh ในอาสาสมัคร ของ L. Cass Terry, M.D., Ph.D., และ Edmund Chein, M.D. ด้านล่างเพิ่มเติม

กล้ามเนื้อ, ไขมัน ดีขึ้น
ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ 88%
ขนาดของกล้ามเนื้อ 81%
ไขมันลดลง 72%
ความอึดในการออกกำลังกาย 81%

พละกำลัง, อารมณ์, ความจำ ดีขึ้น
พละกำลังเพิ่มขึ้น 84%
อารมณ์คงที่ 67%
ทัศนคติต่อชีวิต 78%
ความจำ 62%

ผิวหนัง, เส้นผม ดีขึ้น
โครงสร้างของผิวหนัง 71%
ความหนาของผิวหนัง 68%
ความยืดหยุ่นของผิวหนัง 71%
ริ้วรอยหายไป 61%
ผมกลับงอกใหม่ 38%

ความสามารถในการฟื้นตัว ดีขึ้น จากการบาดเจ็บเรื้อรัง 55%
จากการบาดเจ็บในเรื่องอื่นๆ 61%
ประสิทธิภาพในการฟื้นตัว 71%
ความยืดหยุ่นบริเวณแผ่นหลัง 83%
ภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป 73%
อารมณ์เพศ ดีขึ้น ร่วมเพศได้นานและบ่อย 75%
องคชาติแข็งตัวได้นาน 62%
ความถี่ในการปัสสาวะกลางคืน 57%
อาการร้อนวูบวาบ 58%
ปรับประจำเดือนให้มาปกติ 39%

แหล่งค้นคว้าเรื่อง hgh
"Growth Young with hgh" by Dr.Ronald Klatz with Carol Kahn

ควรค่าสำหรับเก็บสะสมไว้ในห้องสมุดสุขภาพของครอบครัว จากเจ้าของต้นตำหรับในเรื่อง Human
Growth Hormone นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ผู้คนทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่าได้ผล

hgh จะช่วยคุณ กลับเป็นหนุ่มสาว
เพิ่มภูมิต้านทานโรค
มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์
ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ

Paperback: 400 pages
Publisher: Collins (1998)
Language: English
ISBN: 0060984341
Dimensions: 8.0 x 5.3 x 1.0 inches
Shipping Weight: 10.24 ounces
Customer Review:

สาระสำคัญเกี่ยวกับโกรทฮอร์โมน

ทฤษฎีการแพทย์ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ได้เคยอธิบายความสำคัญของโกรทฮอร์โมนต่อร่างกายมนุษย์เพียงว่า “ มีบทบาทต่อความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในวัยเด็กและวัยรุ่น ” ซึ่งจะหมดหน้าที่การทำงานเมื่ออายุย่างเข้าวัย 20 ปี ดูเสมือนว่าบทบาทและหน้าที่ของโกรทฮอร์โมนจำกัดอยู่เฉพาะการเร่งรัดความเติบโตของร่างกายในช่วงต้นๆ ของชีวิตเท่านั้น

ต่อมาในปี ค. ศ. 1950 ดร. วลาดิเมียร์ ดิลแมน ชาวรัสเซียได้ค้นพบทฤษฎีการแพทย์ยิ่งใหญ่ โดยมีสาระสำคัญคือ “ ความแก่ชราของร่างกายมนุษย์ไม่ใช่ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ฝ่าฝืนไม่ได้ แท้จริงแล้วความแก่ชราเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งมีสาเหตุของโรค หากเราสามารถยับยั้งรักษาสาเหตุของโรคได้มานุษย์เราก็จะคงความอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีดังวัยหนุ่มสาวได้อย่างยาวนาน ”

การศึกษาวิจัยทางการแพทย์ต่อๆ มาจากหลายชาติทั้งโดยบังเอิญและโดยตั้งใจ ต่างทยอยออกมาระบุตรงกันว่าสาเหตุของโรคแก่ชราที่

ดร. วลาดีมีย์ ทิ้งปริศนาไว้นั้น แท้จริงแล้วคือ “ ภาวะขาดโกรทฮอร์โมนภายในร่างกาย ” นั่นเอง พูดอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อมนุษย์อายุครบ 20 ปี ต่อมพิทูอิทารี่ภายในสมองจะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาน้อยลง ร่างกายมนุษย์จึงเริ่มแก่, เริ่มเข้าสู่ภาวะชราภาพหลังจากอายุครบ 20 ปี ภาวะร่างกายเริ่มขาดโกรทฮอร์โมนนี้เองคือสาเหตุของโรคแก่ชรา

นักวิจัยทางการแพทย์ที่มีคุณูปการต่อการค้นพบคุณประโยชน์ในมิติใหม่ของโกรทฮอร์โมน เช่น ดร. เกรช วอง, น. พ. แดเนียล รุดแมน, น. พ. เอ็ดมันด์ เชน ต่างทุ่มเทศึกษาและทดลองกับคนไข้ในคลีนิค ซึ่งผลการศึกษาและวิจัยมีการประมวลออกมาเป็นองค์ความรู้ที่มีค่า มหาศาลต่อมวลมนุษย์ชาติดังต่อไปนี้

องค์ความรู้ที่ 1

ขบวนการชีวเคมีภายในเซลล์ที่เกิดขึ้นในขณะร่างกายกำลังย่อยอาหารเพื่อสร้างพลังงาน ( Metabolism) จะมีส่วนหนึ่งที่สร้างอนุมูลอิสระของออกซิเจนไปกระตุ้นให้เกิดการทำลายโปรตีนภายในเซลล์ แต่หากร่างกายมีระดับโกรทฮอร์โมนตามปกติ ( เหมือนเช่นวัยเด็ก) อนุมูลอิสระของออกซิเจนเหล่านี้จะถูกยับยั้งขัดขวางไม่ให้สามารถทำความเสียหายกับโปรตีนและเซลล์ได้ ดังนั้นโกรทฮอร์โมนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาสภาพภายในเซลล์ให้คงความสมบูรณ์แข็งแรงได้ตลอดไป แม้จะยังคงมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นจากการสันดาปภายในร่างกาย

องค์ความรู้ที่ 2

เมื่อนำโกรทฮอร์โมนฉีดเข้าไปในร่างกายคนไข้ที่ป่วยด้วยภาวะโรคเสื่อม ( Degenerative disease : โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค) เช่น โรคหัวใจ, โรคไขข้อ, โรคไต, โรคเบาหวาน, โรคเก๊าท์ ฯลฯ พบว่าร่างกายจะตอบสนองไปในทางที่ดีขึ้น, สุขภาพร่างกายดีขึ้น อาการทรุดโทรมจากโรค ลดลง อธิบายภาษาชาวบ้านได้ว่าโรคเสื่อมเหล่านี้เกิดจากอวัยวะของร่างกายเสื่อมลงอย่างผิดปกติ ดังนั้นเมื่อได้รับโกรทฮอร์โมนเข้าไปทดแทนจึงช่วยต่อต้านและบรรเทาอาการเสื่อม, ความแก่ชราของเซลล์อวัยวะเหล่านี้โดยตรง

องค์ความรู้ที่ 3

เมื่อนำโกรทฮอร์โมนฉีดเข้าในร่างกายคนปกติที่ไม่ได้ป่วยเจ็บด้วยโรคเรื้อรังใดๆ พบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายใน
เวลาเฉลี่ย 180 วัน ดังนี้
1. กล้ามเนื้อมีความกระชับตัวแข็งแรงขึ้น 88%
2. กล้ามเนื้อมีขนาดเพิ่มขึ้น 81 %
3. ปริมาณไขมันส่วนเกิน ลดลง 72 %
4. ออกกำลังกายได้ทนทานเพิ่มขึ้น 81 %
5. สภาพของผิวหนังโดยทั่วไปดีขึ้น 70 %
6. รอยเหี่ยวย่น, ริ้วรอยบนผิวหนัง ลดลง 61 %
7. เส้นผมงอกเพิ่มขึ้น, หยุดการหลุดร่วง 38 %
8. แผลบาดเจ็บในคนแก่หายเร็วขึ้น 55 %
9. ภูมิต้านทางต่อความเจ็บป่วยดีขึ้น 70 %
10. สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น 62 %
11. การลุกขึ้นปัสสาวะตอนกลางคือ ลดลง 57%
12. อาการผิดปกติขณะมีประจำเดือน ลดลง 39%
13. อารมณ์วูบวาบของวัยหมดประจำเดือน ลดลง 58%
14. พลังงานโดยรวมของร่างกายดีขึ้น 84%
15. สภาวะแปรปรวนของอารมณ์ ลดลง 67%
16. ประสิทธิภาพความจำดีขึ้น 62%
17. สภาพอารมณ์และทัศนคติเชิงบวกดีขึ้น 78%
18. รักษาโรคกระดูกพรุนโดยเร่งกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกเพิ่มขึ้น
19. ฟื้นฟูสมรรถภาพของหัวใจ , ปอด , ตับ , ตับอ่อน , ไต
20. บรรเทาอาการของโรคนอนไม่หลับและผลร้ายจากการนอนไม่หลับ
21. ประสิทธิภาพการเห็นและสายตาดีขึ้น
22. ลดปริมาณไขมันที่เป็นอันตราย (LDL), เพิ่มปริมาณ HDL ในกระแสเลือด
23. ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะปกติ
24. ก่อให้เกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแบบองค์รวมและเซลล์ที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
25. กระตุ้นให้ตับสร้างสาร Insulin-like growth factor-1 (IGF-1) ช่วยปรับระดับสมดุลน้ำตาลในเลือดกรณีผู้ป่วย
เบาหวาน เนื่องจากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับอินซูลินที่หลั่งจากตับอ่อน

องค์ความรู้ที่ 4

ต่อมพิทูอิทารี่ภายในสมองมีหน้าที่ผลิตโกรทฮอร์โมนและหลั่งเข้าสู่กระแสเลือดจะเริ่มทำงานลดลง เมื่อร่างกายมนุษย์
อายุครบ 20 ปี โดยพบว่าอายุที่เพิ่มขึ้นนับจากวัย 20 ปีเป็นต้นไป ทุกๆ 10 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายจะลดลง
อย่างน้อย 14 % หรือมากกว่า ดังนั้นค่าเฉลี่ยตามอายุจะเป็นดังนี้

อายุ 30 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนคงเหลือ 86% ของวัยเด็ก
อายุ 40 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนคงเหลือ 72% ของวัยเด็ก
อายุ 50 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนคงเหลือ 58% ของวัยเด็ก
อายุ 60 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนคงเหลือ 44% ของวัยเด็ก
อายุ 70 ปี ระดับโกรทฮอร์โมนคงเหลือ 30% ของวัยเด็ก

ข้อมูลข้างต้นนี้เป็นค่าเฉลี่ย ซึ่งอาจใช้ไม่ได้กับบางคน บางกลุ่ม เราอาจเคยเห็นบางคนอายุ 30 ปี แต่ดูหง่อมราวกับอายุ 50 ปี หรือบางคนอายุ 60 ปี แต่ดูหนุ่มราวกับอายุ 40 ปี ทั้งนี้เนื่องจากมีตัวแปรอีกมากมาย เช่นภาวะโภชนาการ , สภาพแวดล้อม , สภาพจิตใจ ฯลฯ ดังนั้น จึงพบว่าบางคนอายุเพียง 40 ปี แต่มีระดับโกรทฮอร์โมนลดต่ำลงมากอยู่ในระดับเดียวกันกับคน
อายุ 60 ปี ทำให้ดูแก่ก่อนวัยอันควร

องค์ความรู้ที่ 5

คำอธิบายบทบาทหน้าที่ของโกรทฮอร์โมนต่อร่างกาย จึงถูกปรับปรุงใหม่เพิ่มเติมขึ้นจากความเชื่อทางการแพทย์ดั้งเดิม โดยครอบคลุมหน้าที่หลัก 6 ประการ คือ
ช่วยควบคุมและกระตุ้นระบบภูมิชีวิตหรือภูมิต้านทานของร่างกาย ( Immune system)
เร่งสร้างความเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของกระดูก, กล้ามเนื้อ, เส้นเอ็น, ประสาท
เสริมสร้างขบวนการสร้างโปรตีนภายในเซลล์ภายในอวัยวะ
เร่งรัดขบวนการเผาผลาญไขมัน, น้ำตาลให้กลายเป็นพลังงาน ลดการสะสมส่วนเกิน
เสริมสร้างการทำงานของระบบเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาวให้สมบูรณ์แข็งแรง
เสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิวหนัง, เนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง, เส้นเอ็น, กระดูกอ่อน

องค์ความรู้ที่ 6

ความแก่ชราไม่ใช่เพียงความเปลี่ยนแปลงร่างกายภายนอกที่มองเห็นผิวเหี่ยวย่น, ผมหงอก, สายตาฝ้าฟางแต่ความแก่ชรา
( Aging) มีความหมายลึกซึ้งครอบคลุมไปถึงบรรดาความเสื่อมถอย ( Degeneration) ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง, เนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง, กระดูก, กล้ามเนื้อ, อวัยวะ, เม็ดเลือด, ฮอร์โมน ฯลฯ ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ซึ่งท้ายที่สุดก่อให้เกิดความเสื่อมถอยโดยหลักๆ คือ

ความเสื่อมร่างกายภายนอกที่มองเห็น
- ผิวหนังเหี่ยวย่น, มีริ้วรอย
- อ้วน มีไขมันส่วนเกิน, น้ำหนักเกินมาตรฐาน
- ผมหงอก, ผมร่วง
- สายตาสั้น, ยาว, ฝ้าฟาง
- สมรรถนะร่างกายโดยรวมลดลง
- เมื่อมีแผลบาดเจ็บ จะใช้เวลานานกว่าจะหาย

ความเสื่อมที่เกิดขึ้นภายในร่างกายและอวัยวะเพียงบางตัวอย่าง
- ตับอ่อนเสื่อม ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ฯลฯ
- ระบบเผาผลาญไขมันภายในร่างกายลดต่ำลง ทำให้มี
คอเรสโตรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง, เส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจตีบตัน, ความดันโลหิตสูง ฯลฯ
- ไตเสื่อม ทำให้เกิดไตวาย, โรคเก๊าท์ ฯลฯ
- ภูมิชีวิต, ภูมิต้านทานเสื่อม ทำให้เกิดโรคมะเร็ง, ภูมิแพ้ ฯลฯ

คุณประโยชน์ของโกรทฮอร์โมนต่อร่างกาย

จากองค์ความรู้ทั้ง 6 ข้างต้นเหล่านี้นี่เอง ทำให้ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ ค. ศ. 1990 เป็นต้นมา ( เพียง 19 ปี นับจากปัจจุบัน)
บรรดาแพทย์, นักโภชนาบำบัด, นักวิจัยทั่วโลกต่างเกิดแรงบันดาลใจทุ่มเททดลองศึกษาวิจัย เพื่อนำโกรทฮอร์โมนมาประยุกต์
ใช้กับการชะลอความแก่, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก, เสริมความงาม, รักษาโรคต่างๆ มีการตีพิมพ์ผลการทดลองออกมามากมาย
ทั่วโลก ซึ่งพอจะปรมวบเหตุและผลที่ทำให้โกรทฮอร์โมนมีประโยชน์ต่อการบำบัดรักษาความเสื่อมของร่างกายทั้งภายนอก( แก่หง่อม)และภายใน ( โรคเสื่อม)

ผลการบำบัดรักษาความเสื่อมของร่ายกายภายนอก ( แก่หง่อม)


ความเสื่อมภายนอกร่างกาย ที่มองเห็นได้
ผิวหนังเหี่ยวย่น
มีไขมันส่วนเกินสะสมตามบริเวณผิวหนังและลำตัว
ผมหงอก, ผมร่วง
ประสิทธิภาพการมองเห็น, การได้ยินลดลง
สมรรถนะโดยรวมของร่างกายลดลง ออกกำลังกายได้ลดลง
แผลบาดเจ็บหายช้าลง

โกรทฮอร์โมน ( H.G.H.) ช่วยต้านและชะลอ ความเสื่อมภายนอกได้อย่างไร
- เร่งการสร้างโปรตีน, คอลลาเจน, อีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้เต่งตึงและมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
- เสริมการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ให้แข็งแรงขึ้น ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและทำให้ผิวหนังเต่งตึงไม่หย่อนยาน
- เร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกินควบคู่ไปกับการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายลดความอ้วนแต่ผิวหนังกระชับแข็งแรง
- เสริมการงอกของเส้นผมใหม่และชะลอการเปลี่ยนสีผม
- ปรับปรุงและประสิทธิภาพกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่ควบคุมตาและหู
- ปรับปรุง ฟื้นฟูอวัยวะภายในร่างกายและระบบฮอร์โมนต่างๆ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- เร่งการทำงานของระบบเลือดแดง ระบบเลือดขาวและการสร้างโปรตีนให้สมานแผลเร็วขึ้น

ผลการบำบัดรักษาความเสื่อมของร่างกายภายใน ( โรคเสื่อม)

ความเสื่อมของอวัยวะภายในร่างกาย
กล้ามเนื้อหัวใจมีประสิทธิภาพ การบีบหดตัว
ลดลง-เหนื่อยง่าย
เส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจตีบตัน เนื่องจากไขมันอุดตัน
- ความดันโลหิตสูง
- เส้นเลือดเปราะแตก
- หัวใจวาย
ประสิทธิภาพการนอนหลับลดลง นอนหลับไม่ลึก, ไม่สนิท
เซลล์สมองเสื่อม และฝ่อ
- ความจำเสื่อม
ระบบภูมิต้านทานของร่างกายอ่อนแอ ทำให้เจ็บป่วยบ่อย, มีภาวะภูมิแพ้ เช่น หอบ, หืด, แพ้อากาศ
ตับอ่อนสร้างหรือหลั่งอินซูลินได้น้อยลง - เบาหวาน
ไตเสื่อมทำให้กรดยูริคตกค้างในกระแสเลือดและบริเวณข้อต่อของ
กระดูก- โรคเก๊าท์
ระบบการสร้างเซลล์กระดูกเสื่อมประสิทธิภาพทำให้เกิด
- ภาวะกระดูกพรุน
สมรรถภาพทางเพศลดลง ทำให้สมรรถนะร่างกายและภาวะจิตใจเลวลง
- เซ็กส์เสื่อม
ร่างกายและอารมณ์ผิดปกติระหว่างมีประจำเดือน - หงุดหงิด แปรปรวน
ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายลดลง ขาดแรงต้านทานต่อสารก่อมะเร็งที่ร่างกายได้รับจากอาหาร น้ำ อากาศสิ่งแวดล้อม- มะเร็ง

โกรทฮอร์โมน ( H.G.H) ช่วยต้านและชะลอความเสี่ยงภายในได้อย่างไร?
- เซลล์กล้ามเนื้อขยายตัวขึ้นและมีความแข็งแรงและบีบตัวได้ดีขึ้น
- ลดปริมาณ L.D.L ในกระแสเลือด
- ลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด
- เพิ่มปริมาณ H.D.L ในกระแสเลือด
- H.G.H ออกฤทธิ์คล้ายกับยาลดอาการซึมเศร้า ,
เพิ่มสาร Endorphin ทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น หลับได้สนิท
- เร่งการทำงานของเซลล์สมองและยับยั้งการฝ่อลีบ ทำให้เพิ่มความจำ ช่วยป้องกันการสูญเสียความจำ
- ควบคุมและกระตุ้นระบบเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกัน อันได้แก่ ต่อมทอนซิล, ต่อมไทมัส, ต่อมน้ำเหลือง,ม้าม, ไขกระดูก, ไส้ติ่ง, เพเยอร์แพทซ์ ให้ทำงานดีขึ้น
- H.G.H จะถูกแปรสภาพที่ตับให้เป็นสาร I.G.F – 1 มีฤทธิ์คล้ายอินซูลิน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดและอาการจากเบาหวาน
-ฟื้นฟูสภาพเซลล์ของไตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ
ขับถ่ายการยูริคส่วนเกินออกจากร่างกาย
- เร่งขบวนการสร้างเซลล์กระดูกให้เพิ่มจำนวนและหนาแน่นขึ้น
- ปรับปรุงควบคุมการทำงานของระบบฮอร์โมนทั้งเพศชาย, เพศหญิงให้ทำงานอย่างมีสมดุล ตลอดจนออกฤทธิ์บำบัดความเครียดและอารมณ์ซึมเศร้า, หดหู่
- เสริมสร้างภูมิชีวิตในลักษณะองค์รวมเพื่อช่วยต่อต้านมะเร็ง ได้แก่
: กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว, น้ำเหลือง เพื่อกำจัด
สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายในรูปอิสระ, สารก่อมะเร็ง
: เสริมสร้างการซ่อมแซมเซลล์และอวัยวะส่วนที่สึก
หรอหรือถูกทำลายจากสารก่อมะเร็ง
: ลดอาการซึมเศร้า, หดหู่และเพิ่มสมาธิด้วยฤทธิ์ของ
H.G.H เองและสารเอ็นเดอร์ฟินที่หลั่งออกมามากขึ้นพร้อมๆ กับ H.G.H
: นอนหลับได้ลึกขึ้น ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่าง
กายโดยรวมเพิ่มขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
: เสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับถ่ายและ
การเผาผลาญไขมัน, น้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย

วิธีการเพิ่มโกรทฮอร์โมนให้กับร่างกาย

ปัจจุบันแม้เราจะทราบคุณประโยชน์ของโกรทฮอร์โมน แต่วิธีการสรรหาโกรทฮอร์โมนฉีดเข้าไปในร่างกายยังคงเป็นเรื่องยุ่งยาก
ซับซ้อนเกินกว่าคนทั่วไปจะปฏิบัติได้ ขณะเดียวกันยังคงเป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมและกฎหมายหากเราจะสกัดโกรทฮอร์โมน
จากร่างกายมนุษย์คนหนึ่งและนำไปเติมให้อีกคนหนึ่ง เดิมทีมีความพยายามนำต่อมพิทูอิทารี่จากศพผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้วเพื่อนำ
มาสกัดเอาโกรทฮอร์โมนออกมาเก็บรักษาไว้ก่อนที่แพทย์จะนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายผู้ต้องการรักษาวิธีการเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความวิตกว่าจะเกิดผลกระทบในมุมกว้างหากความต้องการโกรทฮอร์โมนขยายตัวมากจนกลายเป็นธุรกิจการแพทย์เต็มตัว เพราะราคาค่างวดการฉีดโกรทฮอร์โมนนี้สูงมากครั้งละหลายหมื่นบาท คงจะเกิดการละเมิดศพ ทำให้ผู้ป่วยบางคนไม่สมควรตายต้องกลายเป็นศพ จนรัฐบาลบางประเทศต้องออกกฎหมายระงับการนำโกรทฮอร์โมนจากศพมาใช้กับมนุษย์โดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงของการใช้ฮอร์โมนมนุษย์โดยตรง คือบางรายหลังจากได้รับโกรทฮอร์โมนไปแล้วมีอาการผิดปกติทางระบบฮอร์โมนเพศ เช่น ผู้หญิงมีหนวดขึ้น, ผู้ชายมีนมโตขึ้น ฯลฯ ทำให้กระแสความนิยมฉีดโกรทฮอร์โมนจากมนุษย์โดยตรง ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย แม้ว่าจะให้ผลการรักษาความรวดเร็วอย่างไรก็ตาม

ในที่สุดนักวิจัยก็ได้หันกลับมาสู่วิถีทางเสิรมสร้างโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติ โดยปัจจุบันพบว่ามีอยู่ 6 แนวทางที่สามารถกระตุ้นต่อมพิทูอิทารี่ให้สร้างและหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมามากขึ้น แต่ละวิธีการล้วนแล้วแต่เราเองสามารถฝึกควบคุม จัดการ ได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญใดๆ

ทั้ง 6 แนวทางจะมีผลกระตุ้นต่อมไฮโปทาลามัสโดยตรง ต่อมไฮโปทาลามัสดังกล่าวอยู่ใต้สมองใกล้ๆ กับต่อมพิทูอิทารี่และปลดปล่อยฮอร์โมน GHRF ออกไปสั่งการให้ต่อพิทูอิทารี่ผลิตและสร้าง โกรทฮอร์โมนออกมา ตามรูปแผนภูมิหน้าถัดไป

วิธีการทั้ง 6 นี้ ล้วนได้รับการยืนยันทางวิชาการว่าสามารถเพิ่มระดับโกรทฮอร์โมนได้ ยิ่งหากผสมวิธีการทั้ง 6 เข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมแล้ว จะยิ่งได้ประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น

แต่ในที่นี้เราคงหันมาขยายความเฉพาะวิธีการที่ 5 คือ การเสริมกรดอะมิโนให้กับร่างกายอย่างพอเพียง เพื่อกระตุ้นการสร้างและหลั่งโกรทฮอร์โมน ปัจจุบันล่าสุดส่วนผสมของกรดอะมิโนที่นิยมใช้กันมากคือ L-Lysine, L-glutamine, L-Glycine, L-Phenylalanine, L-Carnitine, L-Arginine สารชื่อแปลกๆ ยาวๆ เหล่านี้คือชื่อทางเคมีของกรดอะมิโน เราลองมาศึกษาคุณสมบัติและคุณประโยชน์ของกรดอะมิโนกันก่อน

ขยายความรู้เกี่ยวกับกรดอะมิโน (Amino-acid)

เราทราบกันดีว่าโปรตีนเป็นอาหารหมวดสำคัญของร่างกายที่ช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อ , ผิวหนัง , เส้นเอ็น , กระดูกอ่อน , ผม , เล็บ , ขน , ต่อมไร้ท่อ , อวัยวะทั่วร่างกาย , เลือด , น้ำเหลือง , เอ็นไซม์ , ฮอร์โมน ฯลฯ ในร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยโปรตีนมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำ ( ร่างกายประกอบด้วยน้ำ 70 %) แต่ร่างกายเราไม่สามารถนำโปรตีนจากอาหารไปใช้ได้โดยตรง เนื่องจากโมเลกุลมีขนาดใหญ่เกินไป จำเป็นต้องย่อยสลายออกไปจนมีคุณสมบัติซึมผ่านเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้งานได้ สารที่ถูกย่อยจากโปรตีนจนเล็กที่สุดนี่เอง เรียกว่า กรดอะมิโน ( Amino-acid)

กรดอะมิโนจึงนับเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมหาศาล ที่จะทำให้
ร่างกายเจริญเติบโตทั้งกล้ามเนื้อ, กระดูก, ฟัน, ผม ฯลฯ

ระบบประสาททำงานได้, สมองสั่งการได้
มีภูมิคุ้มกัน – ภูมชีวิตต้านทางโรคภัยและความเสื่อม
ทำให้วิตามินและแร่ธาตุออกฤทธิ์ต่อร่างกายได้

ยกตัวอย่างเช่น หากร่างกายขาดกรดอะมิโนชื่อ Methionine และ Taurine จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะภูมิแพ้ หรือตัวอย่างเช่นผู้สูงอายุที่ขาดกรดอะมิโนชื่อ Tyrosine, Phenylalanine, Tryptophan จะทำให้เกิดอาการ ซึมเศร้า หดหู่ เป็นต้น

ในปัจจุบันการศึกษาพบว่ามีกรดอะมิโนประมาณ 28 ชนิด แต่ที่ร่างกายมนุษย์ต้องการใช้มีอยู่ประมาณ 20 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการจัดเรียงโมเลกุลชนิดเวียนซ้าย (Levoform) ซึ่งมีอักษร L- กำกับหน้าชื่อ เช่น L-Glysine, L-Arginine ร่างกายเราสามารถนำกรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิดมาต่อเชื่อมเรียงโมเลกุลกัน เพื่อสรรค์สร้างโปรตีนได้มากมายหลายร้อยชนิดแตกต่างกัน เช่น โปรตีนภายในฮอร์โมน , โปรตีนกล้ามเนื้อ , โปรตีนเอ็นไซม์ การสร้างโปรตีนแตกต่างกันได้ก็เพียงอาศัยการจัดเรียงกรดอะมิโนไม่เหมือนกัน , ต่อเชื่อมด้วยตำแหน่งแตกต่างกัน

80% ของปริมาณกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องใช้ ตับสามารถผลิตและสังเคราะห์ขึ้นได้เองภายในร่างกาย

20 % ของปริมาณกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการใช้ ตับไม่สามารถสร้างได้ และจำเป็นต้องทางอาหารที่อุดมโปรตีนเข้าไปทดแทน เช่น L-Lysnine, L-phenylalanine ดังนั้นผู้ทานอาหารมังสวิรัติ จึงมักพบว่าร่างกายขาด L-Lysine เนื่องจาก L-Lysine ไม่พบในถั่วและธัญญพืช แต่พบในเนื้อปลาเนื้อสัตว์ ไข่ นม เป็นต้น

ขบวนการสร้าง โกรทฮอร์โมนยิ่งต้องการใช้กรดอะมิโนมากขึ้น เพราะโครงสร้างโมเลกุลของโกรทฮอร์โมนคือ “ กรดอะมิโนกว่า 191 ชนิด ” ขณะเดียวกันฮอร์โมนทั้งหลายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนเพศ, ฮอร์โมนจากตับ, ฮอร์โมนจากไต ก็ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนผสมของกรดอะมิโนหลายสิบชนิดไปจนถึงหลายร้อยชนิด ตามความซับซ้อนของหน้าที่ฮอร์โมนหรือเอนไซม์

ส่วนผสมสำคัญๆ ที่ช่วยเสริมต่อมพิทูอิทารี่ให้สร้างโกรทฮอร์โมนได้มีคุณสมบัติแยกพิจารณาเป็นรายตัวดังนี้

ชื่อส่วนประกอบ ลักษณะโดยทั่วไปและประสิทธิภาพ และ คุณประโยชน์ต่อร่างกาย

L-Lysine แอส - ไลซีน
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ต้องทานอาหารเข้าไปเสริมทดแทน
พบในอาหารจำพวกถั่ว, เนื้อหมู, เนื้อปลา, เนื้อสัตว์ปีก, นม
ใช้เสริมให้กับผู้ป่วยโรคหวัดและเสริมเพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายให้หายเร็วขึ้น

จำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างโปรตีน
เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและร่างกาย, ช่วยการดูดซึมแคลเซียม
ควบคุมระดับไนโตรเจนให้สมดุล
เสริมสร้างการผลิตแอนตี้บอดี้ฮอร์โมน, เอ็นไซม์, คอลลาเจน, การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในกระแสเลือด

L-Glutamine แอล – กลูตามีน
มักพบอยู่บริเวณผิวภายนอกของโปรตีนและเอ็นไซม์
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองและพบมากที่สุดในกล้ามเนื้อ
ซึมเข้าสู่สมองได้ดีมาก
ใช้เสริมอาหารกับนักเพาะกาย นักกีฬา และผู้กำลังจำกัดอาหารลดน้ำหนัก

เป็นอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์สมองได้ดีมากและช่วยขับถ่ายของเสียออกจากสมอง
ควบคุมภาวะกรด/ด่างในเลือด
ช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ, กระเพาะอาหารและลำไส้ผิดปกติ, มะเร็ง, ลมชัก, สมรรถภาพทางเพศเสื่อม, จิตหวาดระแวง
ป้องกันการฝ่อลีบตัวของกล้ามเนื้อ

L-Arginine แอล- อาร์จินีน
พบในอาหารพวกข้าวกล้อง, ถั่วลิสง. ข้าวสาลี, ผลองุ่นแห้ง
พบได้มากภายในผิวหนังและเนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง
ช่วยกระตุ้นร่างกายสร้างโกทฮอร์โมนเพิ่มขึ้น

ช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซมผิวหนัง, กระดูก, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อ
ช่วยเร่งการขับถ่ายไนโตรเจนส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากโปรตีนออกจากเซลล์
ลดไขมัน, เพิ่มกล้ามเนื้อ
เร่งตับอ่อนหลั่งอินซูลิน เผาผลาญน้ำตาลในกระแสเลือด

L-Glycine แอล - ไกลซีน
เป็นกรดอะมิโนที่พบมากเป็นอันดับสองในโปรตีนและเอ็นไซม์
ช่วยในการสังเคราะห์กรดอะมิโนมากมายหลายชนิด
ทำให้ร่างกายโดยรวมมีพลังงานเพิ่มขึ้น

จำเป็นต่อการสังเคราะห์กรดอะมิโนตัวอื่นๆ และกรดน้ำดี
จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางและสมอง
จำเป็นต่อการสร้าง DNA, RNA และกล้ามเนื้อ

L-Phenlalanine แอล - เฟนิลอลานีน
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ มีคุณสมบัติดูดซับรังสี U.V. ได้ดี
จำเป็นต่อการสังเคราะห์กรดอะมิโนอื่นๆ
ใช้เสริมการรักษาไขข้ออักเสบ, ซึมเศร้า, ปวดประจำเดือน, ปวดไมเกรน, โรคพาร์คินสัน

ช่วยในการสังเคราะห์สารตัวนำสัญญาณจากสมอง 2 ตัวคือ โดปามีน และ นอร์อิพิเนฟฟริน ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง, อารมณ์สดชื่น, ลดความปวดเมื่อย, ช่วยความจำ, ลดความอยากอาหาร

L-Carnitine แอล – คาร์นิทีน
มีโครงสร้างและคุณสมบัติต่างไปจากกรดอะมิโน ทั่วไป และไม่ได้ใช้ในขบวนการสังเคราะห์โปรตีนและเอ็นไซม์
พบในอาหารจำพวกนม, เนื้อสัตว์
ร่างกายสามารถสังเคราะห์จากกรดอะมิโน เช่น ไลซีน และ เมทิโอนีน, วิตามิน B-1, B-6, วิตามิน C
มักเสริมให้กับผู้ป่วยภายหลังการผ่าตัดหัวใจ
เสริมฤทธิ์การทำงานของวิตามินซี, อี
คนทานมังสวิรัติมักขาดคาร์นิทีน เพราะในผักมีปริมาณไลซีน, เมทิโอนีนน้อยมาก ไม่เพียงพอ

เป็นสื่อกลางที่ช่วยเหลือการขนส่งกรดไขมันเข้าสู่เซลล์
เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันให้เป็นแหล่งพลังงานจึงช่วยลดไขมันในกล้ามเนื้อหัวใจป้องกันโรคหัวใจ
ป้องกันการเกิดไขมันสะสมในตับ เนื่องจากแอลกอฮอลล์, ป้องกันโรคตับแข็ง
ลดไขมันในผู้ป่วยเบาหวาน ที่มักจะมีภาวะไขมันเกิน
ลดไตรกลีเซอร์ไรด์และไขมันในกระแสเลือด

วิตามินซี ( กรดแอสคอร์บิค )
เป็นวิตามินละลายได้ในน้ำ ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น
ใช้เสริมการรักษาไขหวัด, เหงือกอักเสบ
จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย

เสริมประสิทธิภาพการดูดซึมของกรดอะมิโน
ช่วยเสริมประสิทธิภาพของพรอสต้าแกลนดินในการขยายหลอดลม ช่วยลดอาการแน่นหน้าอกของผู้ป่วยโรคหืดหอบ
ลดปริมาณคลอเรสโตรอล และไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด
ต่อต้านและยับยั้งอันตรายจากพิษของยาปฏิชีวนะ, สเตียรอยด์, บุหรี่

วิตามินปี 6 ( ไพริดอกซิน- ไฮโดรคลอไรด์ )
มีการขนานนามว่าเป็นวิตามินแห่งชีวิต เพราะจำเป็นต่อเลือดและเส้นเลือด
เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาเอ็นไซม์มากกว่า 60 ชนิด ในขบวนการสังเคราะห์กรด
อะมิโนและกรดไขมันภายในร่างกาย

จำ เป็นต่อการย่อยแปรสภาพโปรตีนภายในอาหารให้กลายเป็นกรดอะมิโน
ช่วยเสริมสร้างความสมดุลของปริมาณเกลือแร่ โปรตัสเซียม , โซเดียมที่จำเป็นต่อระบบการสั่งงานขอประสาทและสมอง

Beta-Carotine ( วิตามิน A)
ทราบกันมานานว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อและช่วยเพิ่มการมองเห็นตอนกลางคืน
ด่านแรกในการป้องกันการรุกรานของเชื้อโรคและสารพิษ และเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย

จำ เป็นต่อการเสริมสร้างกระดูก , ฟัน , เนื้อเยื่อ
กำจัดอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
สริมประสิทธิภาพการดูดซึมของกรดอะมิโน
เบต้าคาโรทีนเป็นโภชนาหารที่จำเป็นต่อเซลล์

ทาน หรือ ฉีด วิธีไหนเพิ่มโกรทฮอร์โมนดีกว่ากัน

หากนำวิธีการรับประทานสูตรอาหารผสมกรดอะมิโนและวิตามิน , ไปเปรียบเทียบกับวิธีการฉีดโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกายโดยตรงแล้ว ก็จะพบว่ามีข้อดีกว่ามากมาย

วิธีการฉีดโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกาย

ต้องฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
จัดเป็นยาไม่ใช่อาหารเสริม
เป็นยาสังเคราะห์ไม่ได้ผลิตขึ้นจากร่างกายเอง
ค่าใช้จ่ายสูงมาก
อาจเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ เช่น อาการบวมน้ำ , ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน , ความดันโลหิตสูง , มะเร็งเม็ดเลือดขาว , เนื้อเยื่อเจริญเติบโตมากเกินไป
ร่างกายเกิดการต่อต้าน HGH

การรับประทานสูตรอาหารเร่งโกรทฮอร์โมน หรือฉีดสเปรย์ภายในช่องปาก

เป็นอาหารเสริมที่ทานง่าย ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
เป็นวิธีธรรมชาติ เพราะเป็นสารอาหารตั้งต้นให้กับต่อมพิทูอิทารีน ในขบวนการสร้าง HGH และหลัง HGHออกมาได้มากขึ้นจากภายในร่างกายตนเอง
ปลอดภัย ทานได้เองไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์
ราคาประหยัด
ไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ประกอบด้วยกรดอะมีโนหลายชนิดที่ช่วยสร้างเสริมเซลล์ร่างกายที่สึกหรอ
เน้นประสิทธิผลการสร้างสาร IGF-1 โดยตรง

วิธีการเสริมทดแทนร่างกายด้วยสูตรอาหารผสมกรดอะมิโนและวิตามิน จึงเป็นวิธีการที่ประหยัดและปลอดภัย และได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง จะขยายตัวอย่างแพร่หลาย

สารมหัศจรรย์ภายในร่างกาย IGF-1

โกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาจากต่อมพิทูอิทารี่ในร่างกายขณะนอนหลับสนิท เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 15 นาที แล้วไหลแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือดทั่วร่างกาย จึงเป็นเรื่องยากมากที่เราจะวัดปริมาณโกรทฮอร์โมนในกระแสเลือดนักสรีวิทยาการแพทย์จึงค้นคว้าวิธีการอื่นที่สามารถวัดปริมาณทางอ้อม เนื่องจากพบว่าโดยธรรมชาติโกรทฮอร์โมนจะถูกร่างกายนำไปแปรสภาพที่ตับกลายเป็นสารออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน ( Insulin-like growth factor-1) หรือสาร IGF-1 ระดับ IGF-1 นี้จะสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณ โกรทฮอร์โมน จนสามารถนำไปใช้เป็นค่าแสดงระดับโกรทฮอร์โมนได้อย่างถูกต้องคือ

IGF-1 น้อย : โกรทฮอร์โมนน้อย

IGF-1 มาก : โกรทฮอร์โมนมาก

ปัจจุบันระดับ IGF-1 ภายในกระแสเลือดที่ถือว่าปกติ คือ 350 I.U ขึ้นไป ดร . อิริค คูปองท์ อธิบายความสัมพันธ์ของ โกรทฮอร์โมนและ IGF-1 ได้อย่างยอดเยี่ยมว่า “ โกรทฮอร์โมนเปรียบเสมือนแม่ทัพ ส่วน IGF-1 เปรียบเสมือนพลทหารราบ ; แม่ทัพออกคำสั่งบัญชาการให้พลทหารราบเข้าไปปฏิบัติงานภายในแต่ละเซลล์ IGF-1 จึงเป็นผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งของ โกรทฮอร์โมน อันเปรียบเหมือนผู้บังคับบัญชา ”

ดังนั้นในระหว่างเวลากลางวันที่เราตื่นอยู่ เมื่อเจาะเลือดวิเคราะห์ปริมาณ IGF-1 ในกระแสเลือด ปริมาณ IGF-1 ที่วัดได้ตอนกลางวัน ก็จะแสดงปริมาณ โกรทฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตได้ขณะนอนหลับสนิทในคืนที่ผ่านมานั่นเอง

คุณประโยชน์มากมายของสาร IGF-1

โดยคุณสมบัติของสาร IGF-1 นั้นล้วนถอดแบบมาจากโกรทฮอร์โมนทุกประการ แต่ที่มีการกล่าวขวัญถึงคุณประโยชน์พิเศษของสาร IGF-1 โดยเฉพาะ มีอยู่ 3 ประการ คือ

เป็นอาหารวิเศษสำหรับนักเพาะกาย ในวารสาร Muscle Media 2000 ได้รวบรวมรายงานความตื่นเต้นอย่างสูงสุดของวงการเพาะกายที่พบว่า สาร IGF-1 ช่วยเพิ่มขยายขนาดกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็วมากที่สุดกว่าที่เคยค้นพบ ทั้งยังช่วยเพิ่มพลังงาน พละกำลัง และลดไขมันได้อย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์

เป็นสารช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่มีประสิทธิภาพสูงคล้ายอินซูลิน โดยปกติตับอ่อนในร่างกายมีเซลล์ตับอ่อน 2 ประเภท คือ อัลฟ่าเซลล์ มีหน้าที่เร่งการเผาผลาญไกลโคเจนที่สะสมภายในตับให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส เมื่อร่างกายต้องการพลังงาน ส่วนเบต้าเซลล์มีหน้าที่เร่งให้ตับแปรสภาพน้ำตาลส่วนเกินในกระแสเลือดให้กลับมาเป็นพลังงานสำรองในตับในรูปของไกลโคเจนด้วยสารอินซูลิน ( Insulin)

ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ระบบการทำงานของเบต้าเซลล์จะบกพร่องผลิตอินซูลินได้ลดลง ทำให้น้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมากกว่าปกติ จนปะปนออกมากับปัสสาวะ ( จึงเรียกว่า เบาหวาน คือ ถ่ายเบาออกมามีน้ำตาลปนเปื้อน) ดังนั้น IGF-1 มีฤทธิ์คล้ายอินซูลินจึงเป็นสารช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพนำมาทดแทนการฉีดอินซูลินเข้าไปในผู้ป่วยเบาหวาน

เป็นสารช่วยซ่อมแซมเส้นประสาท ผลอันยิ่งใหญ่จากการใช้ IGF-1 อีกประการ คือ การซ่อมแซมเส้นประสาทควบคุมอวัยวะต่างๆ ซึ่งเสียหายจากการบาดเจ็บ หรือสืบเนื่องจากการผ่าตัดหรือป่วยไข้ ถ้าเส้นประสาทภายในกล้ามเนื้อแขนหรือขาถูกตัดขาดจากกัน หมายความถึงการสูญเสียความสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ถึงแม้ว่าโดยธรรมชาติเส้นประสาทจะสามารถเชื่อมต่อได้เองในระดับหนึ่ง แต่ถ้าการตัดขาดรุนแรงหรือยาวกว่า 2-3 มิลลิเมตร อาจหมายถึงการไม่สามารถเชื่อมต่อเส้นประสาทได้อีกเลยอย่างถาวรแต่ปรากฎว่า IGF-1 สามารถซ่อมแซมและเชื่อมต่อเส้นประสาทได้ยาวถึง 6 มิลลิเมตร เป็นความสามารถที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนชื่อ ฮันส์อาร์น ฮัสสันส์ แห่งสถาบันประสาทวิทยาที่มหาวิทยาลัยโกเทเบิร์ก พบว่า IGF-1 เมื่อใช้ร่วมกับปัจจัยการเติบโตชนิดอื่น เช่น สาร Platelet Derived Growth Factor (PDGF) สามารถร่วมกับประสาทภายในกล้ามเนื้อได้ผลเป็นที่พอใจยิ่ง

การศึกษาสภาวะของเซลล์ในห้องทดลอง IGF-1 แสดงผลที่เด่นชัดต่อเซลล์ของไขสันหลังที่ทำงานควบคุมความเคลื่อนไหว มันจะเพิ่มความเคลื่อนไหวของเซลล์ในไขสันหลังประมาณ 150 ถึง 270 เปอร์เซ็นต์

กลุ่มนักค้นคว้าที่บริษัท เซฟาลอน เมืองเวสต์เซสเตอร์รัฐแพนซิวาเนีย รายงานว่า “ IGF-1 คือสารที่ฉลาดล้ำภายในร่างกายที่ถูกค้นหามานาน เพื่อช่วยสร้างความเติบโตของเซลล์ประสาท ”

จากคุณสมบัติมากมายเช่นเดียวกับโกรทฮอร์โมนเมื่อมาผนวกกับคุณสมบัติเฉพาะตัวของสาร IGF-1 ทั้ง 3 ประการข้างต้น ทำให้ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ , นักวิจัย , แพทย์ , นักโภชนาการ , ผู้บริโภค ล้วนพุ่งความสนใจและให้ความสำคัญกับสาร IGF-1 มากกว่าโกรทฮอร์โมนเองเสียอีก

กระแสความตื่นตัวและความต้องการทางการตลาดของ IGF-1

ความตื่นตัว บทบาทความสำคัญของ IGF-1 ทั่วโลกพอจะประมวลรวบรวมแนวโน้มจากกระแสและความต้องการทางการตลาดว่า บุคคลกลุ่มไหนที่ควรเพิ่ม IGF-1 ในร่างกาย เท่าที่มีในการโฆษณากันอย่างกว้างขวางตามอินเตอร์เน็ทและหน้าโฆษณาตามวารสารต่างๆ มีดังนี้

ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย

ออกกำลังกายไม่ได้หรือไม่มีความอดทนต่อการออกกำลังกาย

อยากมีรูปร่างเพรียว โดยไม่ต้องอดอาหาร

มีปัญหาไตรกรีเซอไรด์สูง, LDL สูง , HDL ต่ำ

มีภาวะโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

ผมบาง , ผมร่วง , ผมไม่ดกดำ , ผมหงอกก่อนวัย

โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

โรคเบาหวาน ระยะเริ่มต้น ระยะกลาง

ผิวหน้า , ผิวหนังบอบบาง ได้รับอันตรายจากแสงแดด

ร่างกายมีเหงื่อน้อยผิดปกติ

ยืดชีวิตผู้ป่วยโรคเอดส์และมะเร็ง โดยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยเฉพาะในระยะที่ร่างกายเสื่อมถอยหรือซูบผอมอย่างรวดเร็ว

ผู้สูงอายุที่ขาดสารอาหาร

ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด , ไขมันอุดตันในเส้นเลือด , มีประวัติหัวใจวาย

ผิวหนัง , ผิวหน้า มีรอยเหี่ยวย่น , เคยมีประวัติทำศัลยกรรมดึงหน้า

หย่อนสมรรถภาพ ทางเพศทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

นักกีฬาที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรง , นักเพาะกาย

โรคนอนไม่หลับ

ภาวะอารมณ์และจิตใจแปรปรวนง่าย

ความจำเสื่อม, ลืมง่าย ขาดสติบ่อยๆ , ภาวะซึมเศร้า, จิตใจหดหู่

มีปัญหาสายตาก่อนวัยอันควร

ผู้บริหารที่ต้องทำงานต่อเนื่อง แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย

สุภาพสตรีอายุเกิน 30 ปี ที่ต้องการยืดระยะเวลาสวย เต่งตึงออกไปยาวนานที่สุดทั้งเส้นผม, ผิวเหน้า, ผิวตัว, หน้าท้อง

สุภาพสตรีที่เคยมีประวัติผ่าตัดมดลูก, ตัดรังไข่, ประจำเดือนไม่ปกติ

รายงานการทดลองใช้โกรทฮอร์โมน และ IGF-1 กับผู้ป่วย

บางตัวอย่างของผลรายงานการศึกษาโกรทฮอร์โมนและ IGF-1 ที่มีต่อร่างกาย

ในปี 1992 มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ได้ทำการวิจัยและค้นพบว่าการทดแทน HGH สามารถให้ประโยชน์ดังนี้

ลดไขมันในร่างกายและเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อโดยเพิ่มความสามารถของการสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย

เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ดังนั้นจึงไม่ทำให้เกิดโรคกระดูกเปราะที่เกิดจากขาดแคลเซียม

ป้องกันโรคเส้นประสาทอักเสบ

เพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจ

ทำให้สีผิดดูดีขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้น

ช่วยให้การทานของปอดดีขึ้น

ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย

ช่วยให้การทำงานของไตดีขึ้น

ช่วยเพิ่มความสามารถในการออกกำลังกาย

ทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น

ช่วยให้เส้นเอ็ดยืดหยุ่นตัวดีขึ้น

ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น (Fatmetabolism)

ลดระดับโคเลสเตอรอล

เพิ่มสมรรถภาพในการดูดซับกรดอะมิโน และสารอาหารต่างๆ

เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

ผลต่อการเพิ่มความจำ

Cass Terry ศาสตร์ตราจารย์สาขาประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยการแพทย์วิสคอนชิน รายงานการศึกษาจากผู้ป่วยวิทยาลัยการแพทย์วิสคอนชิน รายงานการศึกษาจากผู้ป่วยพบว่า เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์สมองจะฝ่อลีบลงทำให้ความจำเสื่อมแต่ H.G.H สามารถชะลอและยับยั้งการฝ่อลีบชองเซลล์สมองได้

ลดความดันโลหิตและคอเรสโตรอล

H.G.H เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและปอด ทำให้ช่วยลดความดันโลหิตได้ ดังนั้นผู้ป่วยจะสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าเดิม จากสถิติที่เก็บข้อมูลการรักษาด้วย H.G.H พบว่าช่วยลดคอเรสโตรอลโดยลดปริมาณ LDL แต่เพิ่มปริมาณ HDL

ฟื้นฟูสภาพหัวใจ , เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน

โดยการช่วยลด LDL และเพิ่ม HDL

ปี 1996 วารสารการแพทย์ในอังกฤษ ( New England Journal of Medicine)


รายงานสรุปผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นค่อนข้างรุนแรงจำนวน 7 คน ได้รับการรักษาด้วย H.G.H พบว่า กล้ามเนื้อหัวใจด้านซ้ายแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้บีบตัวได้ดีขึ้นจนสามารถออกกำลังกายและทำงานตามกิจวัตรประจำวันได้ดังเดิม

ฟื้นฟูภาวะกระดูกพรุน

การศึกษาในสวีเดน

คนไข้จำนวน 44 คน มีอายุระหว่าง 23-26 ปี ซึ่งระดับ H.G.H ลดต่ำลงมามากจนเกิดภาวะกระดูกพรุน และเสี่ยงต่อการหักของกระดูก หลังจากได้รับ H.G.H ติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปี กระดูกกลับสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาจนหนาแน่นดังปกติทั้งบริเวณกระดูกซี่โครงและสะโพก

เพิ่มประสิทธิภาพของไต

H.G.H มีผลต่อทุกเซลล์ในร่างกายและเซลล์ไตก็เช่นกันที่แข็งแรงมีสุขภาพดีขึ้น

เพิ่มภูมิต้านทานร่างกายให้เอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ

ปัจจุบันวงการแพทย์ได้ยอมรับว่า H.G.H เป็นวิถีทางธรรมชาติที่สุดในการกระตุ้นและควบคุมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นการซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอหรือมีบาดแผลจะเพิ่มประสิทธิภาพ มากขึ้นอย่างทั่วทั้งร่างกาย

น . พ . Keit Kelley และทีมงานพบว่า H.G.H ช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตแอนตี้บอดี้ , ผลิต T-cell และ interleukin-2, ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเม็ดเลือดขาวทั้งระบบ , ช่วยเร่งการผลิตเม็ดเลือดแดง

พัฒนาคุณภาพการนอนหลับและสายตา

คงไม่ปฏิเสธว่าวัยเด็ก ( ซึ่งมีปริมาณ H.G.H ในร่างกายสูงสุด ) เป็นเวลาที่ร่างกายนอนหลับได้ง่ายและลึกเพียงใด บางครั้งแม้จะมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ขณะนอนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัวดังนั้น H.G.H จึงเป็นธรรมชาติบำบัดที่พัฒนาคุณภาพการนอนหลับให้สนิทและลึกที่สุด

1996 นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน พบว่า HGH ออกฤทธิ์คล้ายยาลดอาการซึกเศร้า , เพิ่มสารเอ็นเดอร์ฟิน (Endorphin), ลดอาการกระสับกระส่าย , เพิ่มสมาธิมากขึ้น

1998 มีรายงานว่าคนที่เครียด ซึมเศร้า เป็นอุปนิสัยในขณะนอนหลับ 3 ชั่วโมงแรกระดับ H.G.H ในร่างกายจะต่ำกว่าคนที่ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า

1996 การศึกษาใน 3 ประเทศ สวีเดน , เดนมาร์ก , อังกฤษ มีรายงานตรงกันว่า HGH มีผลช่วยรักษาคนที่มีบุคลิกขาดความเชื่อมั่นตนเอง , คนวิตกกังวล , คนซึมเศร้า

ธันวาคม 1996 ศาสตราจารย์นายแพทย์ L. Cass Terry แห่งสถาบันการแพทย์ต่อต้านความชราแห่งสหรัฐรายงานผลการรักษาผู้ป่วยจำนวน 900 คนด้วย HGH ซึ่งในจำนวนนี้นายแพทย์ถึง 300 คนพบว่า 80% มีทัศนคติต่อชีวิตที่ดีขึ้น

67 % มีอารมณ์คงเสนคงวาเพิ่มขึ้น


รายงานล่าสุดจาก น . พ . Theirry Hertoghe พบว่าการรักษาผู้ป่วยซึมเศร้าด้วย HGH 82% หายจากอาการซึมเศร้า

70 % หายจากความวิตกกังวลและความเชื่อมั่นตนเองเพิ่มมากขึ้น

เพิ่มอัตราการสร้างกล้ามเนื้อ

การทดลองรักษาด้วย HGH 6 เดือนที่ ร . พ . Thomas ในกรุงลอนดอน พบว่า โดยเฉลี่ยมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 12.1 ปอนด์

1990 น. พ. Deniel Rudman สรุปรายงานการศึกษาว่าการรักษา HGH เป็นระยะเวลา 6 เดือนช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อให้แก่ร่างกายโดยเฉลี่ย 8.8%

เพิ่มประสิทธิภาพพลังทางเพศ

ผลการรักษาผู้ชายที่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมจำนวน 302 คน ด้วย HGH พบว่า 75% มีสมรรถภาพโดยรวมดีขึ้น

เพิ่มสมรรถนะร่างกายของนักกีฬา

HGH ช่วยให้มีพลังงานเพิ่มขึ้น ร่างกายกระฉับกระเฉงและออกกำลังกายได้นานขึ้น HGH ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นและพังผืด

HGH ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก

ช่วยลดไขมันแต่เพิ่มกล้ามเนื้อ

ไม่มีวิธีการลดไขมันในร่างกายใด ที่จะมีประสิทธิภาพแบบเบ็ดเสร็จดังเช่น HGH

ลดไขมันไปพร้อมๆ กับเพิ่มกล้ามเนื้อ ( ขณะที่การจำกัดอาหาร (Diet) จะลดทั้งไขมันและกล้ามเนื้อในเวลาเดียวกัน )

โดยเฉพาะการลดไขมันส่วนใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในส่วนของไขมันที่อยู่ลึกภายในร่างกายที่มักเป็นสาเหตุของภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

การทดลองรักษาของ ร . พ . Thomas ในกรุงลอนดอน ผู้ป่วย 24 คน หลังรักษาด้วย HGH น้ำหนักไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ ไขมันลดลง 12.5 ปอนด์

กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 12.1 ปอนด์

การศึกษาของ น . พ . Rudman ในคนไขอายุ 60-81 ปี ด้วย HGH เป็นเวลา 6 เดือน พบว่า ไขมันลดลง 14.4%

กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 8.8%

กระดูกหนาแน่นขึ้น 1.6%

ตับมีขนาดเพิ่มขึ้น 19%

ม้ามมีขนาดเพิ่มขึ้น 17%

การศึกษาของ น. พ. Devid Clenmons ที่ มหาวิทยาลัยนอร์ทคาลอไรน่า HGH ช่วยลดน้ำหนัก 30-32 ปอนด์ ภายในระยะเวลา 11 อาทิตย์ แต่วิธีการควบคุมอาหารลดได้ 20-25 ปอนด์ แต่ผลแตกต่างที่ชัดเจนคือ วิธีการควบคุมอาหาร (Diet) น้ำหนักลดพร้อมกล้ามเนื้อเรียวลีบลงไม่แข็งแรง

น . พ . Ronald Klatz พบว่าไขมันบริเวณหน้าท้อง ( ลงพุง) สัมพันธ์โดยตรงกับภาวะอาการดื้อต่ออินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 วิธีการลดไขมันหน้าท้องด้วย HGH เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด และท้ายสุดยังเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ลดริ้วรอยและเพิ่มความแต่งตึง ของผิวหนัง

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะบางลง อ่อนแอลง และไม่แต่งตึง

ผลการรักษาของ น. พ. Rudman พบว่า HGH ช่วยทำให้ผิดหนังมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น 7.1%

ผลการรักษา 202 คน 65% ผิวหนังแต่งตึงขึ้น , ผิวหนังมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น

61% เส้นผมงอกใหม่ เพิ่มขึ้น

71% ผิวหนังมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น

ความรู้เกี่ยวกับฮอร์โมน HGH

ฮอร์โมน HGH ลดน้อยลงมีผลให้ สมองฝ่อเหี่ยวลง ทำให้เราแก่ นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาสารอาหารพิเศษบำรุงสมอง

เพื่อให้สมองผลิตฮอร์โมน HGH ออกมาชดเชยฮอร์โมนที่ลดลง คนแก่จะกลับหนุ่มสาวขึ้น คนยังไม่แก่ก็จะช่วยชะลอความชราได้
มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยพยายามแสวงหายาอายุวัฒนะ เพื่อหยุดความชรา แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร หยุดความชราที่ได้ผลจริง

มนุษย์เป็นสัตว์ฉลาดจ้องหาโอกาสใช้ประโยชน์จากการค้นพบความลับของธรรมชาติอย่างเต็มที่เสมอนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาต่อยอดความรู้กันมานาน เพื่อหาวิธีทำให้คนเราไม่แก่มีอายุยืนและเป็นหนุ่ม เป็นสาวเสมอ

ในปี คศ.1990 Dr. Daniel Rudman นายแพทย์นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบความลับของ ขบวนการธรรมชาติที่ทำให้คนเราแก่ ท่านยืนยันว่าการเพิ่มฮอร์โมน HGH ให้ร่างกาย จะช่วย ชะลอความชรา และทำให้คนเรากลับเป็นหนุ่มสาวขึ้นได้ 10-20 ปี ท่านได้รายงานในวารสาร การแพทย์ New England Journal of Medicine.

ในปี คศ. 1998 สมาคมคณะแพทย์ศาสตร์ Massachusetts สหรัฐอเมริกาสามารถสกัดสารกรดอะมิ โน 4 ชนิดได้แก่ Arginine, Lysine, Ornithine, Glutamine จากโปรตีน โดยการสเปรย์สารนี้พ่นเข้า ทางปากเพื่อให้สารนี้ดูดซึมจากในปากไปเลี้ยงสมอง สารอาหารสมองวันละ 2-3 หยดนี้ สามารถ กระตุ้นสมองให้หลั่งฮอร์โมน HGH ออกจากต่อมใต้สมอง ( Pituitary Gland )ได้ในเวลาที่รวดเร็ว และในปริมาณมากพอเพียง เพื่อชดเชยฮอร์โมน ส่วนที่ขาดพร่องมานานหลายปี จากการศึกษา ทดลองในผู้สูงอายุจำนวน 28,000 คนพบว่ามันช่วยหยุดขบวนการ ของความชราภาพได้ ถ้าใช้ ต่อเนื่องจะทำให้แข็งแรง สามารถฟื้นฟูการทำ หน้าที่ของร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หนึ่งในทุกส่วน อวัยวะโดยเฉพาะในระบบเซลล์ สมอง ประสาท กล้ามเนื้อ กระดูก หัวใจ ไต ตับ ปอด ขบวน การย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายและความอ่อนแอต่างๆ ของร่างกาย ทุกอย่างที่เสื่อมเสียไปก็จะฟื้น กลับคืนมา (หากไม่มีอะไรที่เสื่อมหรือเสียอย่างถาวร) และเมื่อร่างกายกลับฟื้นแข็งแรงขึ้นมา ความเสื่อมและโรคภัยทุกอย่างก็จะพ่ายแพ้หายไป เป็นอาหารบำรุงสมอง เป็นอายุวัฒนะที่ ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ สามารถพิสูจน์ ได้และเห็นผลในเวลาที่รวดเร็วมาก ดีแบบไร้ ที่ติเพราะมันเป็นฮอร์โมนธรรมชาติ ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย จึงดีกว่าการกินฮอร์โมนหรือฉีดฮอร์โมนเข้าใต้ผิวหนัง

Dr.Ronald Klatz. (ประธานสถาบันป้องกันความชราแห่งสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์ ของมนุษยชาติ ที่เราสามารถ เข้าแทรกแซงกระบวนการชราภาพ ฟื้นฟูความ เป็น หนุ่มสาว เสริมภูมิคุ้มกันชีวิต มันเป็นเครื่องมือพิเศษที่ต่อสู้กับความชราภาพ เป็นจุดกำเนิดของ
ความไม่แก่ เป็นการสิ้นสุดของความแก่ ความชราภาพ”

สารอะมิโนอาหารสมองสำเร็จรูป จะช่วยหยุดความชราได้ในระดับที่น่าพอใจอย่างยิ่ง จะมีก็แต่ผลดี โอกาสดีๆ ของคนเรามันอาจผ่านมาเพียงครั้งเดียว ในชีวิต จึงไม่ควรรีรอให้มันผ่านเลยไป (ความปรารถนาที่จะทำให้ใครๆได้มารู้จักกับสิ่งที่ดีๆนี้ อยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนน้อยที่จะได้รับจาก บริษัท )

หมายเหตุ
เราใช้คำว่ามากหรือน้อยของฮอร์โมนเพราะเราตวงวัดฮอร์โมนไม่ได้ เรารู้เพียงว่าในเด็กและวัยรุ่น หนุ่มสาวได้รับฮอร์โมนเจริญพันธุ์ ในปริมาณที่มากเต็มที่ ผิวพรรณดี กินก็เก่ง วิ่งเล่นไม่รู้จักเหนื่อย เจ็บป่วยน้อย ส่วนในคนวัยกลางคนและคนแก่ ร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนเพลีย เจ็บป่วย มีโรคภัย เบียดเบียนมาก เพราะฮอร์โมนวัยเจริญพันธุ์หลั่งน้อยลง ฮอร์โมนคือชีวิตและสุขภาพดี มันคือ ความเป็นความตายของคนเรา เมื่อฮอร์โมนหมด ชีวิตก็จบ

ฮอร์โมนเกิดมาจากสมอง มันเป็นคำสั่งของสมอง เพื่อเข้าควบคุมดูแลบังคับบัญชาร่างกายทุกหน่วย อวัยวะให้ทำหน้าที่อย่างดีเรียบร้อย ไม่ปรวนแปร อยู่ในระเบียบ ทุกระบบจะเป็นไปโดย อัตโนมัติ เมื่อหมดหน้าที่ของวัยเจริญพันธุ์แล้วคนเราก็ต้องกลับบ้านเก่า ฮอร์โมนจะหลั่งลดลงทุกปีๆีละ 1-2 % หรือมากกว่านั้นนับจากอายุประมาณ 25 ปี ฮอร์โมนลดลงก็ทำให้สมองฝ่อเหี่ยว หดตัวเล็กลงในอัตราที่ใกล้เคียงกัน เมื่อสมองเสื่อม ร่างกายและสุขภาพก็เสื่อมถอยลงตามลำดับ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ปวดหลัง ปวดเข่า นอน ไม่หลับ กระดูกพรุน ความจำเสื่อม หูตามัว ความดัน หัวใจ เบาหวาน อัมพาต ไตเสื่อม ตับเสื่อม ธรรมชาติยังได้กำหนดให้ระบบเคี้ยวย่อยอาหารของคนเราด้อยประสิทธิภาพลง สารอะมิโน ที่จะได้จากอาหารพวกโปรตีนก็ลดน้อยลงด้วย คนเราจำเป็นต้องข้ามขั้นตอน ด้วยการเสริมสารอาหารพร้อมใช้อะมีโนอาหารสมองสำเร็จรูป มากระตุ้นให้สมอง กลับมาหลั่งฮอร์โมนเพิ่มขึ้นใหม่ในปริมาณที่มากเต็มที่ สุขภาพที่ดีแข็งแรงก็จะฟื้นคืนกลับมาได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ฮอร์โมนในวัยเด็กหรือวัยหนุ่มสาว เปรียบเหมือนยังมีน้ำเต็มอ่าง เมื่อน้ำลดลงเราก็เติมน้ำเมื่อฮอร์โมนลดลงเราก็ เติมฮอร์โมนให้เต็ม Bio Spray อาหารสมองสำเร็จรูปนี้ ใช้ know how ที่ถูกพัฒนาให้พ่นเข้าทางปาก ถูกดูดซึมจากในปากเดินทางถึงสมองได้ในเวลาเพียง 5 นาที เมื่อสมองได้รับอาหารเสริมเต็มที่ ต่อมใต้สมองก็จะหลั่งฮอร์มนธรรมชาติ ที่มากพอเพียงออกมา จึงรับรองได้ว่าร่างกายจะได้รับฮอร์โมนแน่นอนในระดับคงที่และสม่ำเสมอ

มีเงิน 100 ล้าน 1,000 ล้าน แต่สุขภาพไม่ดีก็ - ขาดทุนชีวิต

ผลที่ได้รับจากการใช้ Biospray
เดือนที่ 1 นอนหลับสบาย ร่างกายอาจมีปฏิกิริยาต่อต้านบ้าง ควรเฝ้าสังเกตอาการว่าจะปรับเพิ่มหรือ ลดการใช้
เดือนที่ 2 จะช่วยขับล้างสารพิษในทุกระบบ ให้ดื่มน้ำตามมากๆ ทุกวัน ความรู้สึกทางด้านความรักจะ ดีขึ้น
เดือนที่ 3 กล้ามเนื้อกระชับ บางคนไรผมขึ้น บางคนผมดำขึ้นในบางส่วน ความจำดีขึ้น การนอน หลับดีขึ้นมาก
เดือนที่ 4 อารมณ์ดีจิตใจแจ่มใส ผิวพรรณเต่งตึง เหงือกฟันแน่นขึ้น กล้ามเนื้อแขนตึงขึ้น ความปวด เมื่อยลดลง
เดือนที่ 5 ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น กระตีนกาจางลง ผิวหนังชั้นในส่วนลึกหนาขึ้นยืดหยุ่นดี รู้สึก กระชับ
เดือนที่ 6 สายตาดีมองในที่มืดดีขึ้น สมานแผลหายเร็ว รู้สึกฟิตและเฟิร์มเหมือนนักกีฬา เรื่องความรัก ดีมาก เมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์โรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ไตเสื่อม ปวดเข่า และโรคเสื่อมอื่นๆ จะ พ่ายแพ้หายไป

“What your doctor don’t know what natural cure may be killing you.” Dr. Ray D. Strand MED.

ไบโอสเปรย์ คืออะไรและมาจากไหน


โปรดทราบ ข้อมูลมีไว้บริการเฉพาะสมาชิกเวบไซต์(เวบบล็อก)เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทำการคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ โดยเด็ดขาด สมาชิกโปรดใช้วิจารณญาณ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไบโอสเปรย์ เป็นสาธรรมชาติ 100 % know-howจากสหรัฐอเมริกา ผ่านการพัฒนาและวิจัยสูตรมานาน หลายปี เป็นอาหารเสริมที่ดี และมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในท้องตลาดในขณะนี้ ช่วยทำให้ร่างกายหลัง GH เพิ่มขึ้น ได้ด้วยตัวเอง

ไบโอสเปรย์ประกอบด้วยสารอาหารที่อยู่ในรูปแบบโมเลกุลอิสระ(Aminoacids,Vitamins,Minerals)พร้อมที่จะถูก
ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และทนทานต่อความเป็นกรดในกระเพาะอาหารผ่านระบบไหลเวียนโลหิตไปสู้อวัยวะเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อร่างกายมนุษย์ได้รับกรดอะมิโนเอสิด จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองมีการหลัง GH และการสร้าง IGF-1 ทั้งชายละหญิง ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง ในกระบวนการที่เรียกว่า ผสมผสาน อัตราส่วนอันเหมาะสมของสารอาหาร เพื่อให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุด

ข้อมูลจากงานวิจัย

มีการรายงานการศึกษาในผู้ป่วยมากกว่า 28,000 รายทั่วโลก ระบุถึงผลของ GH มีการศึกษาในมนุษย์หลายพันราย และมีการวิจัย ที่สนับสนุนถึงการใช้ GH ในการฟื้นฟูความเป็นหนุ่มสาว

วารสารการแพทย์ นัวอิงแลนด์ รายงานว่าผลจากการใช้ HGH ติดต่อกัน 6 เดือน สามารถชะลอความชราได้ 10-20 ปี โดย สังเกตจากเนื้อเยื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วไขมันลดลง

นวัตกรรมใหม่ ผลิตภัณฑ์ชลอความแก่ (nano technology) ช่วยให้หน้าตาดูอายุน้อยลง 10-20 ปี


คุณกำลังรู้สึกไม่มีพลังงานหรือไม่ ?

คุณเห็นรอยเหี่ยวย่นเมื่อคุณส่องกระจกหรือไม่ เหมือนกับเวลาผ่านไปใช่หรือไม่ ด้วยไปโอสเปรย์พลัส คอรอสตรัมลิขวิด ตอนนี้ การมีอายุยืนยาว ความลี้ลับไม่จำเป็นอีกแล้ว!

ทำไมต้องคอรอสตรัมลิขวิด ?


คอรอสตรัม เป็นน้ำนมแรกผลิตจากเต้านมแม่ช่วง 72 ชั่วโมงหลังคลอด ซึ่งให้ปัจจัยการต้านทานโรค ปัจจัยการเจริญเติบโต กรดอะมิโน น้ำแร่ และวิตามินที่เสริมสร้างสุขภาพและให้ความมีชีวิตชีวาต่อมนุษย์

วันหนึ่ง คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเป็นสิ่งต่อไปนี้

-ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลง ความจำเสื่อม
-ผิวหนังหย่อนยาน ผมร่วง
-ผมเริ่มหงอก สายตาฝ้าฟาง
-ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
-ไขมันสะสมเพิ่ม กล้ามเนื้อหย่อนยาน
-กระดูกพรุน สุขภาพเสื่อมโทรม
-ภูมิต้านทานลดลง เจ็บป่วยง่าย
-เซ็กส์เสื่อมถอย ชราภาพ

แน่นอนทั้งหมดนี้จะต้องมาเยือนคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคุณอายุมากขึ้น
แต่...ทั้งหมดนี้สามารถป้องกันและพาคุณย้อนเวลาสู่วัยหนุ่มสาวได้..โดย...


-ช่วยให้หน้าตาดูอายุน้อยลง 10 -20 ปี
-SEX โดยรวมดีขึ้น
–สมรรถภาพเพิ่มขึ้น
-ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพิ่มขึ้น
-ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น
-ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
-ช่วยเพิ่มความทรงจำ

ผลต่อร่างกาย

-ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ 88% -ขนาดของกล้ามเนื้อ 81%
-ปริมาณไขมันที่หายไป 72% -ความทนทานต่อการออกกำลังกาย 81%
-ผิวพรรณและเส้นผม -ลักษณะของผิว 71%
-ความหนาของผิว 68% -ความยืดหยุ่นของผิว 71%
-การลดริ้วรอย 51% -ผมที่ขึ้นใหม่ 38%

ความสามารถทางเพศ

-ความสามารถและความอึดทางเพศ 75%
-ระยะเวลาที่องคชาติแข็งตัว 62%
-ลดอาการร้อนวูบวาบ 57%
-การควบคุมประจำเดือน 39%
-การฟื้นตัว ความยืดหยุ่นของร่างกาย
-ระยะเวลาการหายของแผลเก่า 55%
-ระยะเวลาการหายของแผลใหม่ 71%
-คุณภาพของแผลที่หาย 61%
-ความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลัง 53%
-การทนทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ 73%
-พลังงาน อารมณ์และความทรงจำ
-ระดับพลังงาน 84%
-การควบคุมอารมณ์ 67% -ทัศนคติต่อชีวิต 78%
-ความทรงจำ 62%